Wednesday, May 11, 2011

Secret Admirer [2]

Title: Secret Admirer
Pairing: Jaejoong x ???
Author: Purple Horizon
Translator: Mighty_Yu
Rating: G
Secret Admirer
Chapter 2 ~ 26 มกราคม ปี 2005


ถึงแม้จะเป็นปลายเดือนมกราคมแล้วแต่อากาศก็ยังคงหนาวอยู่ โดยเฉพาะช่วงกลางคืน
"ทำไมคืนนี้มันหนาวจังนะ" ร่างบางบ่นพึมพำแล้วดึงผ้าห่มแฮมทาโร่ขึ้นมาห่ม และโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเขาก็เริ่มสั่นอยู่ใต้หมอนนุ่มนิ่ม
"อ๊ะ. ข้อความ" นิ้วเรียวกดปุ่มแสดงข้อความ
หนึ่งเดียวของผม พี่ชายที่ประเสริฐสุดในโลกอันกว้างใหญ่ พี่แจจุง.. พี่ช่วยทำไรให้ผมกินหน่อยนะครับ ผมกำลังจะตายจากอาการหิวโซชางมินผู้ยิ่งใหญ่
"ชางมินผู้ยิ่งใหญ่? ฉันตั้งชื่อนายไว้ว่าสตอล์คเกอร์ตู้เย็นนี่หว่า ห่าเอ้ย! ไอเด็กเปรดนี่มายุ่งกับมือถือฉันอีกแล้ว!" แจจุงโวยวายอยู่คนเดียว
เน่! นายมายุ่งกับมือถือพี่อีกแล้ว ทำกินเองละกัน!’ - Jaejoong Jjang
ร่างเล็กยิ้มอย่างมีชัยหลังจากส่งข้อความและเปลี่ยน "ชางมินผู้ยิ่งใหญ่" กลับเป็น "Fridge stalker" และในไม่ถึงนาทีชางมินก็ตอบกลับมา
"นะครับพี่~~~~ T3T ผมหิวจริงๆ ถ้าพี่ไม่ทำอะไรให้ผมกินผมจะไปกวนพี่จนเช้าเลย <3 " - Fridge stalker
"พี่ล๊อกประตูแล้วหน่า! อุว่ะฮ่ะๆๆๆ ^__~ แล้วพี่ก็จะปิดมือถือด้วย อย่าเปลืองเงินส่งมาเลย :P ฮ่าๆๆ" - Jaejoong Jjang
หลังจากส่งข้อความ ร่างบางก็ปิดมือถือและพยายามนอนท่ามกลางความหนาวเหน็บ

__________


"ทำไมห้องนี้มันหนาวอย่างกับขั่วโลก" แจจุงบ่นหลังจากความพยายามที่จะนอนมา 30 นาที หลังจากดิ้นไปมาบนเตียงอย่างไม่สบายตัวเอาซะเลย ร่างบางก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว (ปวดฉี่จะตายแล้วย๊ากกก~) แต่ร่างบางยังคงฝืนและพยายามนอนต่อให้ได้
อ๊ากกก ทนม่ายหวายแล้ววววแจจุงพยายามฝืนมา 20 นาทีแล้ว แต่ก็ไร้ความหมาย ขาเรียวก้าวออกจากเตียงและบิดขี้เกียจ สายตาร่างบางก็เหลือบไปเห็นหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้กว้าง
"ไอเด็กเปรด! ก็ว่าสิทำไมฉันถึงจะหนาวแทบตาย" ร่างบางปิดหน้าต่างก่อนจะเดินออกไปยังห้องน้ำ มืออันเย็นยะเยือกของร่างเล็กยื่นไปที่ลูกบิดประตูห้องน้ำ ในขณะเดียวกันนั้นประตูก็เปิดออกพอดี ร่างสูงของยุนโฮก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา
นายมาทำไรตอนนี้เนี่ย
เตะบอลกับจุนซู" ยุนโฮยิ้มอย่างคนขี้เล่น
"นรกแดก!! ในนั้นอ่ะนะ!?" ร่างบางทำตาโตไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
"นายจะให้ฉันทำไรในห้องน้ำในคืนหนาวๆแบบนี้หล่ะ? นายนี่น่ารักจริงๆ แจจุง" ร่างสูงหัวเราะเล็กน้อยก่อนรีบเดินกลับห้องนอนรวมของเขาและชางมินกับจุนซู
"ง่ะ.. เกิดไรขึ้นกับฉันวันนี้เนี่ย? ฉันมัวแต่บ่น คิมแจจุง.. นายต้องเลิกบ่นเลิกโกรธซักทีก่อนหน้านายจะเกิดรอยย่น" แจจุงพึมพัมกับตัวเอง "ฉันรู้สึกถึงความซวยที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้หลังจากที่ร่วมห้องกับเจ้าตัวซวย ชั้นต้องให้จุนซูมาแชร์ห้องด้วยให้ได้ ก่อนมันจะเลือกเจ้านั่นร่างเล็กบ่นต่อขณะล้างมือ [ต้องให้จุนซูมาแชร์ห้องก่อนที่จุนซูจะเลือกยูชอน และแจจุงต้องอยู่กับชางมิน -.-]
พี่หมายถึงผมอ๊ะป่าวววววว~” ร่างบางถึงกับตกใจเมื่ออยู่ดีๆก็สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆที่ต้นคอ แจจุงมองขึ้นและพบกับร่างเปรดๆของชางมินที่สะท้อนอยู่บนกระจกเงา
นายอยากพี่หัวใจวายตายรึไง!!” แจจุงบ่นอีกครั้งก่อนสาดน้ำไปเต็มหน้าอีกคน
"พี่อ่าา พี่กำลังทำให้ผมเปียกนะ! รู้มั้ย.. ผมจะไม่ถือถ้าให้อาบน้ำกับพี่นะ แต่ไม่ใช่ในคืนหนาวๆแบบนี้.. ไม่ใช่ตอนที่ผมหิวอยากกินพี่." ร่างสูงกระซิบเบาๆที่หูอีกคน
"หะ.. หิวอะไรนะ?" ร่างเล็กตกใจจนพูดติดๆขัดๆ
"หิวข้าวไงครับ พี่คิดว่าไรล่ะ? หิวอยากกินพี่น่ะหรอ ฮ่าๆๆๆ" ชางมินหัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งพี่ชายที่รัก
"นี่ ชิมชางมิน!! นายเกลียดชั้นมากเลยหรอ"
"พี่ครับ พี่ก็รู้ว่าผมน่ะรักพี่ที่สู๊ดดดดดเลยยยย~" ชางมินขยิบตา แจจุงทำเป็นไม่สนใจและทิ้งชางมินไว้ก่อนจะไปสงบสติอารมณ์จากการกระทำของชางมินเมื่อครู่  ชางมินเดินขยี้ตาออกจากห้องน้ำพลางคิดว่าจะให้แจจุงทำอะไรให้กินพรุ่งนี้เช้าแล้วก็เดินไปเจอกับร่างบางที่กำลังนั่งยองๆ ตรงหน้าห้องนอนอีกครั้ง
พี่คงไม่อึตรงนั้นหรอกใช่มั้ยครับ?ชางมินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนนั่งลงข้างๆ แจจุง
ของขวัญวันเกิดอีกแล้วร่างบางยิ้มอย่างดีใจและยื่นกล่องที่ห่ออย่างสวยงามขึ้นตรงหน้าชางมิน
เปิดสิครับชางมินบอกก่อนจะดึงการ์ดมาจากมือบาง ถึงแจจุง.. สุขสันต์วันเกิด ฉันหวังว่าคุณจะชอบของขวัญชิ้นนี้ไม่น้อยกว่าผ้ากันเปื้อนในปีที่แล้ว จาก Secret admirer ของคุณชางมินอ่านการ์ดในระหว่างที่แจจุงกำลังเปิดกล่องของขวัญ ร่างบางยิ้มกว้างเมื่อเห็นคริสตัลแวววาวจากสร้อยคอรูปไม้กางเขน
ว้าวว.. พี่อยากได้มานานแล้วนะเนี่ย นี่มันลิมิเท็ตเอดิชั่นของ Swarovski เชียว!” ร่างบางตาเป็นวาวกับจี้คริสตัลที่อยู่ในมือ
โห สวยเหมือนกันนะเนี่ยชางมินพูดพลางเพ้งมองจี้ของแจจุง
สวยเหมือนกันหรอ? นี่มันสวยมากๆต่างหาก พี่ชอบมันจังเลย เค้าคงรู้ว่าพี่ชอบอะไรสินะ
คงงั้นแหละครับ เค้าคงต้องรู้รสนิยมสูงๆ ของคิมแจจุง.. สุขสันต์วันเกิดครับพี่และชางมินก็เดินจากไป ร่างบางละสายตาจากจี้มาที่นาฬิกาติดผนังในห้องรับแขกที่เพิ่งเลื่อนไปที่เลข 12 พอดิบพอดี ตาหวานเป็นประกายด้วยความสุข.. นี่คือของขวัญชิ้นแรกในวันเกิดปีนี้ของเขา

Monday, May 9, 2011

My Superstar [2]

Title:  My Superstar 
Couple: Yuchun x Junsu
Author: Worthy_Min
Rate: Pg15
- 2 -
            ริมชายหาดสีขาวระนาบกับพื้นน้ำสีครามใสช่างดูเป็นภาพที่งดงามในสายตาจุนซูจริงๆ แต่มันน่าจะสวยกว่านี้ที่เมื่อกี้ไม่เจอไอบ้าหลงตัวเองนั่น จุนซูบ่นพึมพำตั้งแต่กลับมาถึงที่ร้าน
            “บ่นอะไรลูก...ดูท่าต้องไปมีเรื่องกับใครมาแน่เลย” ชายสูงวัยเอ่ยถามลูกชายที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่ที่หน้าร้าน
            “ครับ...พอดีมีเรื่องกับคนบ้านิดหน่อยครับพ่อ...คนบ้าอะไรน่ารำคาญจริงๆ” จุนซูบ่นเบาๆเมื่อถึงประโยคหลัง
            “ถ้างั้นพ่อขอคุยหน่อยได้มั้ย” กล่าวขึ้นก่อนจะเดินลงมานั่งข้างๆ
            “พ่อมีเรื่องที่จะต้องคุยกับลูก” จุนซูพยักหน้ารับ
            “คือว่าพอร้านเปิดได้สักเดือนนึงพ่อก็จะกลับเกาหลี...แล้วลูกก็จะต้องอยู่ทำงานที่นี่คนเดียว...”
            “จริงหรอพ่อ...ว่าอยู่แล้วเชียวถึงว่าถึงได้ให้ร้านอยู่ที่นี่...ถ้าพ่อกับแม่วางใจให้ผม...ผมก็คิดว่าทำได้ถ้าพ่อกับแม่เชื่อแบบนั้น” จุนซูหันไปยิ้มให้กับผู้เป็นพ่ออย่างเข้าใจ
            “แล้วลูกไม่คิดถึงเรื่องเรียนต่อมหาลัยแล้วหรอลูก...แล้วลูกมั่นใจนะว่าอยู่คนเดียวได้” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามย้ำครั้งที่สองเพื่อความแน่ใจ ก็ลูกชายคนเล็กของบ้านต้องจากบ้านมาทำงานที่ต่างเมืองคนเดียวอีกทั้งเพิ่งจะจบไฮสคูลหมาดๆ
            “ครับพ่อ...ทำงานก่อนแล้วค่อยเรียนก็ได้หนิครับในโลกนี้ไม่มีใครแก่เกินที่จะเรียนครับพ่อ...อีกอย่างที่พ่อกับแม่ให้ผมทำงานที่นี่คนเดียวก็เหมือนเป็นการเรียนเหมือนกันแหละครับ” จุนซูเอ่ยอย่างเข้าใจ ผู้เป็นพ่อจึงโล่งใจ
            “โอเคถ้าลูกคิดได้แบบนั้นพ่อก็โล่งใจ...งั้นก็เตรียมตัวพรุ่งนี้เราจะเปิดร้านวันแรกพนักงานของเราก็เป็นจากคนที่ร้านเก่าส่วนหนึ่งแล้วเราก็รับพนักงานเข้ามาอีกส่วนหนึ่งพ่อหวังว่าภาษาที่ลูกนั่งฝึกนั่งท่องทุกวันมันคงจะช่วยร้านได้เยอะนะลูก” ผู้เป็นพ่อพูดฝากความหวังไว้ที่ลูกชายคนเล็ก จุนซูเองก็ดูท่าจะไม่มีปัญหาอย่างน้อยพนักงานส่วนหนึ่งก็เป็นคนเกาหลีเค้าจึงไม่มีปัญหา เว้นก็เสียแต่ว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะต้องเป็นคนดูแลร้านทั้งหมดนี่แหละ

+-+-+-+-+- My superstar +-+-+-+-+

            “หายไปไหนมาชั้นตามนายจนทั่วโรงแรมอยู่แล้ว...จะไปไหนทำไมไม่ยอมบอกกันบ้าง” เสียงผู้จัดการและน้องชายตัวแสบเอ่ยตวาดเมื่อยูชอนเดินเข้ามาในห้องพักของโรงแรม
            “อย่าพูดมากนักได้มั้ยยูฮวานแล้วก็นายด้วย...แจจุง” ยูชอนตวาดใส่น้องชายและผู้จัดการ
            “น้อยๆหน่อยยูชอนนายลืมไปแล้วหรอว่านายเป็นใครจะไปไหนมาไหนก็หัดระวังตัวซะบ้าง” แจจุงพูดว่า
            “อะไรของนายหละจะให้อยู่แต่ในห้องรึไง...แล้วแบบนี้จะมาทำไมชั้นเป็นคนนะไม่ใช่ปลากระป๋องจะได้อยู่แต่ข้างในออกไปไหนไม่ได้” ยูชอนตะคอกใส่แจจุงเพื่อนซี้ที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการเพราะยูชอนไม่ต้องการคนแปลกหน้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวจึงเลือกเอาเพื่อนซี้มาเป็นผู้จัดการเสียเอง
            “พี่ก็ทำตามที่พี่แจจุงบอกเหอะ...จะเถียงทำไมนักหนา” ยูฮวานเริ่มพูดขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่ายูชอนเริ่มอารมณ์เสียใส่แจจุงทั้งๆที่ตั้งแต่เดินเข้ามาคนที่โมโหน่าจะเป็นแจจุงมากกว่า
            “เออ...เข้าข้างกันเข้าไปสองคนเนี่ย...คอยดูเถอะชั้นจะดันให้สองคนเป็นดาราแบบชั้นทีนี้คอยดูสิว่าจะทำยังไง” ยูชอนพูดประชด ก่อนจะเดินมาเอนกายที่โซฟานุ่มที่ยูฮวานและแจจุงนั่งอยู่
            “แล้วไงออกไปไหนมา” แจจุงเอ่ยถาม
            “ก็ไปนั่งเล่นที่สระน้ำ...มันเบื่อๆไม่มีอะไรทำ” ยูชอนพูดพลางถอนหายใจ
            “นึกว่าพี่จะออกไปจีบสาวแล้วเค้าไม่เล่นด้วยซะอีก...เห็นเข้ามาก็หน้าบึ้งเชียว” ยูฮวานแซว
            “สาวบ้าสาวบออะไรหละ...เออพูดแล้วนึกขึ้นได้เลย” ยูชอนพูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
            “อะไรของนายนึกอะไรได้” แจจุงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
            “เมื่อกี้เจอคนเกาหลีคนนึงด้วยแหละ” ยูชอนเอ่ย
            “นั่นไงซวยแล้วมั้ย...แล้วเจอกี่คนมาเยอะมั้ยแล้วนายถ่ายรูปกับเค้ารึเปล่า” แจจุงรัวคำถามออกมาชุดใหญ่เพราะกลัวว่ายูชอนจะเป็นข่าว
            “ถ่ายอะไรหละชื่อชั้นเค้ายังไม่รู้จักด้วยซ้ำ...คนบ้าอะไรเพิ่งย้ายมาเมื่อวานแท้ๆแต่กลับไม่รู้จักคนอย่างชั้น...อีกอย่างมีการทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้ชั้นอีกสงสัยอยากจะเจออีก...แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก” ยูชอนพูดพลางหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา
            “อะไรนะเค้าไม่รู้จักนาย...เป็นไปได้ยังไง” แจจุงถามด้วยความสงสัย
            “ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน...ที่สำคัญดูท่าจะเป็นเด็กไฮสคูล...อีกอย่างแถมปากร้ายไม่ใช่เล่นเลย” ยูชอนเล่าให้แจจุงกับยูฮวานฟัง ทั้งแจจุงและยูฮวานก็ต่างงงเช่นเดียวกัน เพราะในตอนนี้ทั่วทั้งเกาหลียูชอนเป็นคนดังที่ใครๆก็รู้จัก ทุกเพศทุกวัยเพราะฝีมือการแสดง และใบหน้าหล่อสะดุดตา
            “แบบนี้ก็ดีชั้นว่าสงสัยจะเป็นพวกเด็กเรียนมากแน่เลย...เด็กพวกนี้จะสนใจแต่เรื่องเรียนเรื่องอื่นไม่สนใจทั้งนั้น...อย่างนี้ค่อยโล่งอกไปที” แจจุงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
            “นั่นสิสงสัยจะเด็กหัวกะทิ” ยูฮวานเสริม
            “งั้นวันนี้พักผ่อนให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้มีถ่ายตอนแปดโมงเช้า” แจจุงหยิบดูตารางงานก่อนจะเอ่ยให้ยูชอนฟัง
            “โห...แปดโมงเช้าจะบ้ากันใหญ่แล้วจะถ่ายอะไรแต่เช้าคืนนี้กะจะไปนั่งดริ้งท์สักหน่อย” ยูชอนเอ่ยบ่น
            “โหพี่รักษาภาพพจน์หน่อยเหอะ...คอยดูนะถ้ากลับเกาหลีผมจะฟ้องแม่” ยูฮวานเอ่ยขู่ยูชอนที่บ่นเมื่อครู่
            “แล้วทีนี้เอายังไงเรื่องโทรศัพท์ของคนนั้นเค้าหละ” แจจุงพูดขึ้น
            “พรุ่งนี้เค้าคงมาเอามั่ง...เค้ารู้ว่าชั้นพักอยู่ที่นี่” ยูชอนพูดพลางสายตาจ้องมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
            “ถ้าเค้ามาเอาก็รีบคืนๆไปซะจะได้หมดเรื่องหมดราวสักที” แจจุงเอ่ยก่อนจะเดินเข้าไปนอนพักในห้องนอน ส่วนยูชอนและยูฮวานก็นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา

            เช้าวันต่อมา
            “พี่ยูชอนตื่นได้แล้วหกโมงแล้วนะ...มัวนอนอยู่ได้เดี๋ยวก็ไปไม่ทันกองถ่ายหรอก” ยูฮวานเอ่ยตะโกนเมื่อพี่ชายายังคงนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
            “อืม...ตื่นแล้ว” ยูชอนงัวเงียตอบขึ้นเพื่อให้ยูฮวานเลิกแหกปากสักที
            “รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ววันนี้เป็นฉากที่นายต้องพาทิฟฟานี่ไปกินข้าวจากนั้นก็ไปเดินเล่นริมหาดแล้วก็...” ยูชอนรีบขัดขึ้น
            “โอ๊ย...เมื่อไรหนังเรื่องนี้จะถ่ายจบสักทีเบื่อจริงๆเลยนายไม่น่ารับเล่นเรื่องนี้เลยแจจุง”
            “ทำไมหละดีออกนายก็ชอบไม่ใช่หรอที่นี่หน่ะ...ยังจะมาบ่นอีก” แจจุงว่ากลับ
            “ไอดีก็ดีอยู่แต่ที่ชั้นเบื่อก็คือยัยทิฟฟานี่นั่นแหละ...เป็นนางเอกในเรื่องยังพอว่าในเรื่องยังมาต้องแต่งงานกันอีกแล้วมาถ่ายฉากฮันนีมูนบ้าบออะไรที่นี่...ชั้นกะว่าชั้นมาจะมาฮันนีมูนกับคนที่ชั้นรักจริงๆ...อีกอย่างดูท่ายัยนี่จะชอบชั้นอีกด้วย” ยูชอนบ่นออกมาเมื่อชักเริ่มทนไม่ไหว เพราะตั้งแต่ถ่ายหนังเรื่องนี้มายูชอนก็มีข่าวว่าเป็นแฟนของทิฟฟานี่ตลอดทำให้ยูชอนไม่พอใจเป็นอย่างมาก
            “นั่นสิน๊า...ก็นายมันหล่อนี่หน่ายูชอนเอาน่ามีคนชอบก็ยังดีกว่ามีคนเกลียด” แจจุงรีบพูดเปลี่ยนเรื่องก่อนจะดึงร่างูชอนให้ลุกขี้นไปอาบน้ำ
            “พี่สองคนไปกองถ่ายส่วนผมจะออกไปเที่ยว....ดูท่าที่นี่สวยมากๆเลย...พี่ว่ามั้ยพี่แจจุง” ยูฮวานเอ่ยถามเมื่อมือหนาเปิดม่านเผยให้เห็นทะเลสีฟ้าครามใส จนยูฮวานอดที่จะชมไม่ได้
            “พี่ก็ว่างั้นถึงว่ายูชอนมันถึงชอบที่นี่เอาซะมากๆ...เอ่อนี่ยูฮวานไปเที่ยวไหนก็อย่ากลับดึกหละพี่ไม่อยากจะแก้ตัวกับคุณป้าว่านายออกไปเหล่หญิงแล้วไม่ยอมกลับบ้าน” แจจุงเอ่ยแซว
            “โธ่พี่เหล่หญิงอะไร...ผมพูดกับเค้ารู้เรื่องหรอพี่” ยูฮวานส่ายหน้าอาดๆก่อนจะเดินเข้าห้องไป
            “ผู้กำกับลีครับวันนี้จะไปถ่ายที่ไหนหรอครับเนี่ยเดินแบบเนี่ย” ยูชอนเอ่ยถามเมื่อสถานที่ที่มาถ่ายทำดูไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก
            “เอาล่ะยูชอนทิฟฟานี่...เราจะถ่ายฉากที่เธอสองคนเดินริมหาด...ส่วนนายยูชอนหลังจากเดินจูงมือแล้วนายก็หยุดตรงต้นมะพร้าวนั่นแล้วก็โอบเอวทิฟฟานี่ไว้...แล้วนายก็พูดตามบทจากนั้นนายก็จูบทิฟฟานี่ซะแล้วก็ท่องบทตอนสุดท้าย...โอเคมั้ย” เสียงผู้กำกับเอ่ยสั่ง ยูชอนและทิฟฟานี่พยักหน้าเพื่อตอบรับ ยูชอนรีบเดินตรงมาหาแจจุงทันที
            “แจจุง...นายได้ยินที่ผู้กำกับสั่งมั้ย” ยูชอนเอ่ยถาม
            “ทำไมผู้กำกับลีว่าไง” แจจุงถามกลับ
            “ก็เค้าให้ชั้นจูบกับยัยทิฟฟานี่น่ะสิ...คราวนี้ได้เป็นเรื่องแน่” ยูชอนหัวเสีย
            “เอาน่าอย่างน้อยแฟนๆนายก็เข้าใจว่ามันคือการแสดง” แจจุงเอ่ยปลอบเมื่อเห็นเพื่อนหัวเสีย หลังจากนั้นยูชอนและทิฟฟานี่เข้าฉากนั้นกันอยู่หลายเทค เป็นเพราะว่ายูชอนเองไม่ค่อยพอใจเลยทำออกมาได้ไม่ดี ส่วน ทิฟฟานี่เองก็แอบชอบยูชอนจึงทำให้เวลาเข้าฉากไม่กล้าทำเต็มที่เพราะว่าเขิน
            “ตั้งใจหน่อยยูชอน” เสียงผู้กำกับลีเอ่ยขึ้นเมื่อยูชอนพลาด
            “ครับ” ยูชอนตอบกลับ จากนั้นไม่นานก็ถ่ายฉากนั้นเสร็จ แค่ฉากนั้นก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง ทั้งกองเลยแยกย้ายไปกินข้าวก่อน
+-+-+-+-+- My superstar +-+-+-+-+

            “พ่อครับร้านเราเปิดวันแรกแต่ทำไมคนถึงได้เต็มร้านขนาดนี้หล่ะพ่อ” จุนซูเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าตั้งแต่เปิดร้านมาคนก็เต็มร้านตลอด
            “ก็คนไทยที่เป็นแฟนๆของยูชอนเค้าอ่านบทสัมภาษณ์ของยูชอนว่าร้านอาหารที่เค้าชอบมากที่สุดคือร้านเราไงลูก...แฟนๆเค้าก็เลยตั้งใจจะมาร้านของเรา” ชายสูงวัยเอ่ยตอบ
            “ไอบ้านั่นมันชอบร้านชั้นหรอเนี่ย” จุนซูเอ่ยเบาๆ
            “เอาลูกอย่ามัวแต่เหม่อออกไปต้อนรับลูกค้าเร็วคราวนี้มากันเยอะเลย” ชายสูงวัยพูดพลางใช่สายตาสั่งลูกชาย
            “สวัสดีครับมิสซารังยินดีต้อนรับครับ(ภาษาไทย)” จุนซูเอ่ยต้อนรับก่อนก้มหัวลงน้อยๆ
            “แจจุงร้านนี้มาเปิดที่นี่ด้วยหรอ...ชั้นไม่เห็นรู้” ยูชอนเงยหน้ามองป้ายร้านก่อนจะหันไปเอ่ยถามแจจุงก่อนจะเดินเข้าร้านไป
            “รับอะไรดีครับ(ภาษาไทย)” จุนซูยืนเมนูให้ทั้งสอง ก่อนจะจ้องมองหน้ายูชอนที่ใส่แว่นตากันแดดและหมวกไหมพรมเพื่อพลางตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่คือยูชอน แล้วรีบเดินหนีไปแล้วให้พนักงานคนอื่นมารับออเดอร์แทน แต่แทนที่จะหมดปัญหาแต่ปัญหากลับมากขึ้นเมื่อพนักงานคนที่รับออเดอร์ก็เป็นแฟนของยูชอนเช่นกัน
            “พี่ยูชอนรึเปล่าค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยถามเมื่อยูชอนเงยหน้ามาเพื่อสั่งอาหาร
            “เอ่อ...น้องจำผิดแล้วครับ” แจจุงรีบเอ่ยตอบกลับไป
            “ไม่ผิดหรอกค่ะ...ส่วนพี่ก็ผู้จัดการแจจุงใช่มั้ยค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยถามย้ำ
            “เอ่อ...ไปเอาอาหารเสริ์ฟที่โต๊ะนู้นก่อนไป” จุนซูเดินเข้ามาขัด ก่อนพนักงานจะเดินไปทำตามที่จุนซูบอก
            “นั่นไงเกือบซวยแล้วมั้ย...ดีนะที่เจ้าของร้านช่วยไว้ทัน” แจจุงเอ่ยอย่างโล่งอก
            “ตกลงจะกินอะไรสั่งมาสิ...นั่งบื่ออยู่ได้เดี๋ยวก็ได้ป่าวประกาศทั้งร้านหรอก” จุนซูเอ่ยกวนๆ
            “นี่นายเป็นเจ้าของร้านภาษาอะไรหัดทำตัวกับลูกค้าให้มันดีๆหน่อยสิ” ยูชอนที่นั่งอ่านเมนูรีบเงยหน้าขึ้นมาต่อว่าแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็นจุนซู
            “นี่นาย...เป็นพนักงานที่นี่หรอ” ยูชอนเอ่ยถาม
            “พนักงานบ้าอะไรยูชอน...นี่เจ้าของร้าน” แจจุงพูดพลางชี้ไปที่ป้ายชื่อของจุนซู
            “อ่อ...ชื่อ คิม จุนซู งั้นหรอ” ยูชอนอ่านที่ป้ายชื่อ
            “แล้วไง...ไม่ยักรู้ว่านายชอบร้านชั้น” จุนซูเอ่ยถามกวนๆ
            “ถ้าชั้นรู้ว่าเป็นร้านของนายชั้นคงจะไม่ชอบหรอก...อีกอย่างเรื่องโทรศัพท์นายหน่ะไว้ชั้นจะคืนให้ทีหลังก็แล้วกัน...วันนี้ชั้นมีถ่ายเลยไม่ได้เอามาด้วย” ยูชอนตอบ
            “ก็ดีที่นายยังไม่ลืมว่าไอมือถือเครื่องนั้นมันเป็นของชั้น...เอาจะกินอะไรก็สั่งมา” จุนซุรีบพูดตัดบทเพราะกลัวว่าพนักงานในร้านจะสงสัย ยูชอนและแจจุงสั่งอาหารก่อนที่จุนซูจะเอาออเดอร์ส่งให้พ่อครัวในร้าน
            “พ่อครับ...ไอดาราอะไรที่พ่อว่าเค้ามาที่ร้านเรา...ดีนะที่นั่งหลบมุมอยู่ข้างในสุดนู้น” จุนซูพูด
            “งั้นหรอลูกถ้างั้นถ้าเค้ากินเสร็จลูกก็ถ่ายรูปกับเค้าเราจะได้เอารูปมาติดที่ร้านว่ายูชอนเคยมาที่นี่...แบบนี้แฟนๆของยูชอนคงมากันเยอะกว่านี้” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นอย่างเป็นหลักการ
            “ทำไมต้องเป็นผมหละ...พ่อก็ไปถ่ายเองสิครับ” จุนซูเริ่มบ่น
            “ก็พ่อไม่ได้ดูแลที่นี่ตลอดนี่...ลูกนั่นแหละต้องถ่ายกับเค้า” จุนซูบ่ายหน้าหนี ก่อนจะลุกไปที่โต๊ะของยูชอน
            “นี่จุนซูมาก็ดีขอชาเขียวที่หนึ่งสิ” ยูชอนเอ่ยเมื่อเห็นว่าจุนซูเดินมาที่โต๊ะ
            “ชั้นไปสนิทกับนายตั้งแต่เมื่อไรถึงเรียกชื่อชั้นแบบนั้น” จุนซูเริ่มหงุดหงิด
            “อย่าพูดกับลูกค้าแบบนั้นสิ...ไม่ดีเลยนะ” ยูชอนทำท่าทางส่ายนิ้วชี้ไปมา จุนซูเริ่มประสาทเสีย จุนซูเดินไปเอาชาเขียวมาให้ยูชอน
            “นี่นายกินเสร็จชั้นขอถ่ายรูปคู่กับนายหน่อยสิ” จุนซูเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก
            “นั่นไง...เห็นมั้ยชั้นว่าแล้วว่านายชอบชั้นแต่ทำเป็นวางฟอร์ม” ยูชอนเอ่ยแซว
            “อะไรถ้าพ่อไม่สั่งมาชั้นไม่มีทางทำเด็ดขาดหรอก...อย่างนายหลงตัวเองจะตายชั้นหล่ะสงสารคนที่ชอบนายจริงมีดีตรงๆไหนเนี่ย” จุนซูตวาดอย่างหัวเสีย ก็เพราะนิสัยไม่เคยยอมใคร และเมื่อเจอคนที่ไม่ถูกชะตาก็อย่าหวังว่าจะคุยดีด้วย
            “นายสองคนพอได้แล้วอยากไห้เป็นเรื่องรึไง...คนเริ่มหันมามองแล้วนะ” แจจุงตวาดเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มก่อศึกย่อมๆขึ้น
            “โอเคๆชั้นไม่อยากจะเถียงกับนายที่นี่เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่...แค่นายแกล้งทำเป็นไม่รู้จักชั้นแล้วยังมาขอถ่ายรูปมันก็เป็นเรื่องมากพอแล้ว” ยูชอนเอ่ยกวนๆกลับ
            “เป็นเรื่องงั้นหรอ...ก็ดีงั้นไม่ถ่ายแล้วรูปอะไรนั่นหน่ะ...ไม่มีนายร้านชั้นก็อยู่ได้อย่ามาคิดว่าตัวเองวิเศษนักเลย...นายคิดว่านายเป็นใครมันก็คนเหมือนกันนั่นแหละ” จุนซูเอ่ยตะคอกก่อนจะเดินเข้าไปในครัวทันที
            “อะไรกันลูกเสียงดังเชียว” ชายสูงวัยเอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเมื่อครู่
            “ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับ” จุนซูรีบพูดก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อสงบสติอารมณ์    “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายสูงวัยเดินมาที่โต๊ะของยูชอนแล้วถามขึ้น
            “อ่อ...ครับผมขอโทษแทนยูชอนด้วยครับ...เค้าเป็นคนแบบนี้แหละครับชอบพูดให้คนอื่นโมโห” แจจุงเอ่ยขอโทษและก้มหัวเป็นการใหญ่ ยูชอนเองก็ทำตามเช่นกัน
            “ไม่เป็นหรอกครับจุนซูเองก็เป็นเด็กแบบนี้แหละ...พอมีคนพูดไม่ถูกใจก็จะโมโหแบบนี้...อย่างไงก็อย่าไปถือสาจุนซูเลยนะครับ” ชายสูงวัยเอ่ยขอโทษแทนจุนซูเช่นกัน
            “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง...ผมรู้ว่าเด็กวัยนี้อารมณ์มักจะแปรปรวน....ผมไม่รู้นะครับว่าคุณลุงมาเปิดร้านที่นี่” ยูชอนเอ่ยตอบก่อนจะถามกลับบ้าง
            “อ่อ...จุนซูเค้าชอบที่นี่อีกอย่างจุนซูเองก็เป็นคนเอ่ยปากที่จะเป็นคนดูแลที่นี่...ลุงก็คงขัดอะไรเค้าไม่ได้” ยูชอนพยักหน้า
            “อายุคงต้องเท่าน้องชายผมแน่เลย...เด็กวัยนี้อารมณ์แบบนี้ทุกคนเลย...อีกอย่างก็ดีนะครับที่ให้เค้าเป็นคนดูแลเองจะได้ฝึกให้เค้าใช้ชีวิตด้วยตนเองไม่ใช่จะพึ่งพ่อแม่ตลอดเวลา” ยูชอนออกความเห็น
            “ลุงก็ว่าอย่างงั้น...หนูมีน้องชายด้วยหรอ” ชายสูงวัยเอ่ยถามกลับ
            “ครับ...เห็นว่าวันนี้จะออกไปเที่ยวที่ไหนไม่รู้...แต่ถ้าผมบอกว่าร้านของคุณลุงมาเปิดที่นี่มีหวังเค้าคงต้องรีบมาแน่ๆเลยครับ” ยูชอนพูดยิ้มๆ
            “ลุงดีใจนะที่หนูชอบร้านของลุง...ไว้ถ้ามาที่นี่อีกก็อย่าลืมแวะมาทักจุนซูบ้างหละ” ชายสูงวัยเอ่ยยิ้มๆ
            “อ่าวทำไมหละครับ” แจจุงที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถาม
            “ก็ลุงจะกลับเกาหลีสิ้นเดือนนี้แหละ...พวกหนูคงเจอลุงบ่อยๆที่เกาหลี...ลุงกลัวว่าจุนซูจะเหงาเลยมาอยู่เป็นเพื่อนก่อน”
            “แล้วแบบนี้จุนซูเค้าไม่เรียนต่อหรอครับ” แจจุงถาม
            “เห็นจุนซูว่าจะเรียนไปทำงานไปหรือยังไงลุงก็ไม่รู้เพราะจุนซูเองก็เป็นเด็กที่ตั้งใจ...เมื่อตั้งใจทำอะไรใครก็ไปขวางเค้าไม่ได้”
            “ดูเค้าเป็นเด็กดีนะครับ...แบบนี้คุณลุงคงภูมิใจมากแน่เลยที่มีลูกชายแบบนี้แบ่งเบาภาระได้เยอะเลย” ยูชอนพูด
            “ครับก็เหมือนหนูนั่นแหละช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านได้เยอะเหมือนกัน...งั้นลุงขอตัวก่อนแล้วกันดูท่าคนจะเริ่มเยอะแล้ว” ชายสูงวัยรีบเอ่ยตัดบทเมื่อมองไปที่ร้านคนเริ่มเข้ามาเยอะ
            “ครับคุณลุง...ถ้าผมกินเสร็จจะไปรอคุณลุงที่หลังร้านเพื่อรอถ่ายรูปนะครับ” ยูชอนเอ่ยยิ้มๆ ส่วนชายสูงวัยก็พยักหน้าเป็นการตอบ
            “พ่อไปคุยอะไรกับเค้า” จุนซูเดินมาถามผู้เป็นพ่อ
            “เอาเถอะน่าลูกเค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร...ถือซะว่าเป็นเพื่อนที่จุนโฮแล้วกันลูก” เอ่ยขึ้นเมื่อจุนซูเริ่มอารมณ์ไม่ค่อยดี
            “ก็ได้ครับพ่อ...ผมจะคิดว่าไอปากเสียนั่นเป็นเพื่อนพี่จุนโฮแล้วกันครับ” จุนซูเอ่ยตอบเมื่อเห็นว่าพ่อลงทุนเข้าไปคุยขนาดนี้ก็ขัดไม่ได้ จุนซูเป็นเด็กที่รักพ่อแม่และพี่ชายมาก เพื่อความสุขของคนที่บ้านจุนซูมักจะยอมได้เสมอ แต่บางครั้งเมื่อเป็นสิ่งที่เค้าทำให้ไม่ได้จริงๆก็จะปฎิเสธทันทีใครบังคับเท่าไรก็ไม่มีทางที่จะมาสั่งได้ เรื่องนี้คนในบ้านรู้ดีรวมทั้งพนักงานในร้านที่ย้ายมาจากเกาหลีเช่นกัน

Sunday, May 8, 2011

Secret Admirer [1]

Title: Secret Admirer
Pairing: Jaejoong x ???
Author: Purple Horizon
Translator: Mighty_Yu
Rating: G

Secret Admirer
Chapter 1 ~ 26 มกราคม ปี 2004


พี่แจจุง.. ตื่นนนน!!!ชางมินกระซิบที่หูซ้ายของแจจุงพลางเขย่าตัวอีกคนเบาๆ ร่างบางบ่นพึมพำแล้วดึงผ้าห่มให้มิดหัว พี่ครับ.. ผมหิวแล้วอ่ะ ตื่นมาทำไรให้กินหน่อยนะชางมินงอแงแล้วก็เขย่าตัวแจจุงไม่ยอมหยุดจนสุดท้ายร่างบางก็ต้องยอมถ่างตาขึ้น ร่างบนเตียงบิดขี้เกียจและมองไปที่นาฬิกาบนโต๊ะข้างๆ

-11:30pm-

ชางมี๊นน!!! เราเพิ่งจะกินข้าวกันตอนสองทุ่มนะแจจุงบ่นก่อนรับรู้ถึงยูชอนที่เริ่มดิ้นจากการรบกวนของชางมิน
แล้วไงอะ? วิชาไบโอบอกว่าอาหารในท้องเราจะถูกย่อยอย่างสมบูรณ์ในสี่ชั่วโมง นี่ก็เกือบสี่ชั่วโมงแล้ว มันเลยไม่แปลกที่ผมจะหิวอีกนะครับ.. พี่อ่ะ ทำไรให้กินหน่อยน๊าาาา..ชางมินทำหน้ามุ่ยใส่ร่างบาง
มันปกติสำหรับนายน่ะสิ! มินอ่ะ.. พี่เหนื่อยจริงๆ ไปต้มมาม่ากินเองนะร่างบางดันชางมินออกจากเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมิดหัวอีกครั้ง
ฮึก.. ฮืออออ~ ฮึกๆ ชางมินแกล้งร้องไห้เบาๆ และเดินคอตกออกไปจากห้องนอนรวมของแจจุงและยูชอน
ไม่ ไม่ ม่ายยยย!!! ฉันไม่หลงกลนายหรอก ฮึ!” แจจุงเตือนตัวเองก่อนทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรแล้วนอนต่อ

-25 นาทีต่อมา-

ชางมินนั่งที่เก้าอี้ตัวโปรดถือแซนวิชไข่กับทูน่าหนา 6 เซ็นติเมตรกินอย่างมีความสุขในขณะที่มีร่างบางนั่งกอดอกอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ
ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย ฮึ..แจจุงบ่น
ยอมรับเถอะว่าพี่รักผมที่สุดชางมินพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ
ไม่อ่ะ พี่เกลียดนายที่สุดเลยร่างบางทำแก้มป่อง
"จริงหรอครับ??"
"ใช่น่ะสิ!!!" ร่างบางแล่บลิ้นใส่ผู้เป็นน้อง
แย่จัง.. แต่ผมรักพี่ที่สุดชางมินขยิบตาเล็กน้อย
"ช่างเหอะ" ดวงตาหวานกรอกไปมา
"พี่เหมือนผู้หญิง!" ชางมินพูดพลางเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ
"นรกแดก?? ชางมิน นายน่าจะหุบปากแล้วรีบๆ กินซะ ก่อนพี่จะปลุกยูชอนมาช่วยนายกิน" แจจุงขู่ก่อนกรอกตาอย่างหงุดหงิด
"เห็นมะ.. พี่กำลังกรอกลูกตา" ชามมินยิ้มเยาะ
"แล้วไงล่ะ????" แจจุงยืนเท้าเอว
"ผู้หญิงเท่านั้นที่ทำแบบนั้น หุหุ ผมถึงบอกไงว่าพี่เหมือนผู้หญิง" ชางมินหัวเราะลั่นห้องครัว
"เฮ้ย หุบปากซะที นายกะจะปลุกทุกคนรึไง??" มือบางโบกหัวชางมินไปทีนึง
"พี่แหกปากดังกว่าผมอีกนะ"
"ชางมิน นายน่าจะเลิกยั่วโมโหพี่ไม่งั้นพี่จะหาอะไรมาล๊อกตู้เย็น!" แจจุงยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะเตะไปที่ตู้เย็น ร่างสูงรีบวิ่งไปหาตู้เย็นของเขาแล้วผลักแจจุงออกห่างเธอ (ชางมินเรียกแทนอาหารและตู้เย็นว่า'เธอ')
"พี่อ่ะ!!! ทำไมต้องใช้กำลังด้วย โห.. น่าสงสารจริงๆ เป็นอะไรมั้ยที่รัก" ชางมินบ่นเบาๆ กับตู้เย็นของเขาพลางเอามือถูตรงที่แจจุงเตะ
"นายมันบ้าไปแล้ว ไอพวกสต๊อล์คเกอร์ตู้เย็น!!! โอ้พระเยซูคริสเจ้า ลูกทำสิ่งผิดพลาดประการใดไปในชาติก่อนรึอย่างไร ท่านถึงประทานตัวรับประทานมาเป็นน้องชายลูก??" ร่างบางเริ่มบทราชินีดราม่าขณะชางมินยังคงกินต่ออย่างไม่สนใจโลกภายนอก
เอ๊ะ นั่นอะไร??” ร่างบางสังเกตุเห็นกล่องขนาดกลางที่หลบอยู่ข้างๆ ตู้เย็นที่น่ารักของชางมิน
ไหน อะไร อะไร?” ชางมินก็อยากรู้เช่นกัน เขารีบไปยืนอยู่ข้างๆแจจุงที่ถือกล่องปริศนาอยู่
นี่ของใครเนี่ย??” มือบางยื่นกล่องให้ชางมิน
ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะครับ เปิดดูสิ…”
"พี่ไม่เปิดหรอก มันไม่ใช่ของพี่นี่นา" ร่างบางวางกล่องลงบนเคาน์เตอร์
"พี่เจอมัน มันเป็นของพี่" ชางมินยื่นกล่องกลับไปให้แจจุง ร่างเล็กแกะกล่องออกและเจออีกกล่องเล็กๆ อยู่ด้านในพร้อมการ์ดวางไว้ด้านบน
“Happy Birthday คิม แจจุง จาก secret admirer…” ชางมินอ่าน
“Secret admirer??” ร่างบางขมวดคิ้วและนึกว่าใครกันที่ส่งของขวัญนี้ให้เขา
เปิดเลยๆๆชางมินพูดขึ้น แจจุงจึงเปิดกล่องที่ห่อมาอย่างดี พยายามไม่ทำให้ขาด เขาตาโตขึ้นมาเมื่อเห็นผ้ากันเปื้อนลายแฮมทาโร่อยู่ด้านใน
อ๊าาา น่ารักจัง.. ใครเป็นคนให้เนี่ย ช่างคิดดีจังแจจุงเอ่ยด้วยรอยยิ้มและลองใส่ผ้ากันเปื้อนอันใหม่ทันที
ใครไม่รู้ผมไม่สน แต่คนคนนั้นต้องรักผมมากไม่แพ้พี่เลย" ชางมินพูดอย่างภูมิใจ
"ทำไมล่ะ?"
"มันหมายความว่าเขาอยากให้พี่ทำอาหารให้ผมกินทุกวัน ทุกเวลา ทุกที่ สุขสันต์วันเกิดครับพี่ชางมินยัดแซนวิชที่เหลือเข้าปากและเดินกลับห้องนอนรวมของเขา ยุนโฮ และจุนซู ปล่อยอีกคนไว้ในครัว ขณะที่ร่างบางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนพอดีและยิ้มกว้าง.. นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่ได้ในวันเกิดปีนี้

Friday, May 6, 2011

My Superstar [1]

Title: My Superstar
Couple: Yuchun x Junsu
Author: Worthy_Min
Rate: Pg15
- 1 -
            “ดูสิพี่เค้าดูหล่อมากเลยเนอะ” เสียงสาวๆต่างกรีดร้องด้วยความสนใจ เมื่อดูนิตยสารเล่มหนาที่นายแบบขึ้นปกเป็นดาราชายหน้าใหม่ที่หล่อและดูดี ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงมากในหมู่นักเรียนไฮสคูล
            “นี่จุนซูนายดูสิ...นายว่าเค้าหล่อมั้ย” เสียงเพื่อนสาวที่สนิทเอ่ยถามขึ้น พลางมือก็ยื่นนิตยสารเล่มเดิมให้จุนซูดู
            “ก็งั้นๆอ่า...เค้าก็คนเหมือนเราชั้นว่าเธอเลิกกรี๊ดบ้าบอสักที...ชั้นไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ” จุนซูตอบเมื่อเห็นว่าเพื่อนยังคงไม่เลิกชื่นชมกระดาษหน้าปกไร้สาระเมื่อครู่
            “จุนซูอ่า...ทำไมพูดแบบนั้นหละ...พี่เค้าออกจะหล่อ...แล้วนี่จุนซูนายเคยดูหนังที่พี่เค้าเล่นมั้ย” ยองจีเพื่อนที่จุนซูรู้จักและสนิทที่สุดเอ่ยถามขึ้น
            “หนังอะไร...ชั้นบอกว่าให้เธอหยุดบ้าได้แล้ว...แล้วตั้งใจอ่านหนังสือเพราะว่านี่มันเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของไฮสคูลแล้วนะ” จุนซูตอบอย่างไม่สนใจว่าเพื่อนจะรู้สึกยังไง แต่ให้ทำยังไงได้ก็เพื่อนของจุนซูบ้าดารามาตั้งแต่เด็กๆ จุนซูเองก็เบื่อกับพฤติกรรมของยองจี ยิ่งช่วงพักหลังนี้มาจุนซูไม่ค่อยที่จะได้พูดคุยกับเพื่อนมากนัก เพราะเค้าเองก็เครียดเรื่องที่จะต้องย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ เป็นเพราะว่ากิจการร้านพิชซ่าของที่บ้านขยายกิจการไปมากจุนซูจึงต้องตั้งใจเรียนไฮสคูลปีสุดท้ายที่เกาหลีให้ดีที่สุด ส่วนที่เกาหลีเองแม่และพี่จุนโฮเป็นคนดูแล ส่วนจุนซูและพ่อต้องแยกออกไปพัฒนากิจการที่ต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ยองจีเองก็ทราบดี ยองจีจึงตั้งใจให้ช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้อยู่กับจุนซูเป็นช่วงเวลาที่จุนซูได้จดจำมากที่สุด แต่เพราะจุนซูเอาแต่ปิดกั้นตัวเอง ยองจีจึงต้องพยายามให้มากขึ้น
            “โอเค...จุนซูชั้นจะอ่านหนังสือเพื่อจะได้ทำข้อสอบได้...นายโอเคมั้ย” หลังจากที่จุนซูเอ่ย ยองจีเองก็ไม่อยากจะขัดจุนซูเพราะภายในใจลึกๆก็รู้สึกเจ็บๆไม่น้อยเมื่อต้องจากเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ
            “ก็ดี...แล้วเลิกบ้าได้แล้วดาราไร้สาระนั่นหน่ะ...มันมาช่วยติวหนังสือให้เธอรึไง...ถ้าเธอสอบเข้ามหาลัยไม่ได้มันจะมาช่วยเธอให้เธอเข้าได้รึไง” จุนซูพูดเมื่อเห็นว่าท่าทางของยองจีดูอ่อนลง จุนซูและยองจีต่างนั่งอ่านหนังสือกันอยู่เงียบๆ ไม่นานนักอาจารยTest final ของไฮสคูลปีสุดท้ายก่อนจะจบ จุนซูตั้งใจทำเป็นอย่างมาก จุนซูใช้เวลาไม่นานก็ทำข้อสอบเสร็จจึงออกไปรอยองจีหน้าห้องเพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องมาโรงเรียน ทั้งจุนซูและยองจีต่างจะไปเลี้ยงฉลองกับการเป็นนักเรียนไฮสคูลวันสุดท้าย เสียงออดหมดเวลาเพียงครู่เดียวดังขึ้นยองจีเดินหน้าเศร้าออกมาจากห้องเรียนก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเศร้าพลางคนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มเยาะเป็นการใหญ่
            “จุนซูชั้นทำข้อสอบไม่ได้เลยอ่า...ฮือจะทำยังไงดีถ้าคะแนนไม่ถึงมีหวังต้องลงเรียนซัมเมอร์แน่ๆเลย” ยองจีเดินคอตกออกมาจากห้องเรียน
            “เป็นไงชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกบ้าดารานั่นได้แล้ว...เป็นไงทีนี้มันมาช่วยให้เธอคะแนนสูงขึ้นรึเปล่า” จุนซูพูด ก่อนจะปลอบยองจีก่อนจะไปกินไอติมที่ร้านประจำสมัยเมื่อม.ต้น ก่อนจะไปเที่ยวที่เกมส์เซ็นเตอร์เพื่อเป็นการผ่อนคลาย และก็มาจบที่ร้านหนังสือร้านประจำที่จุนซูและยองจีมาด้วยกันเป็นประจำทุกวัน
            “นี่จุนซูแล้วนายจะย้ายไปเมื่อไหร่” ยองจีเอ่ยถามประเด็นที่เค้าคิดที่จะถามจุนซูมาตลอดเวลาที่รู้เรื่อง
            “คงจะปลายเดือนหน้าหรือไม่ก็อาทิตย์หน้า...ไม่รู้ว่าพ่อจะเอายังไง” จุนซูเอ่ยพลางหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ยองจีรวบหนังสือที่มือจุนซูก่อนจะตั้งใจถามคำถามอีกรอบ
            “จุนซู...นายไม่ไป...ไม่ได้รึไง” น้ำเสียงหวานเน้นหนักที่ประโยคสุดท้าย ก่อนจะพูดเสริมขึ้น
            “ก็ให้พี่จุนโฮไปกับพ่อนายสิ...ส่วนนายก็อยู่ที่เกาหลีนี่” ยองจีพยายามพูดอธิบาย
            “ไม่ได้หรอกยองจี...เธอไม่เข้าใจ...เพราะพี่จุนโฮต้องดูแลแม่ ส่วนชั้นก็ต้องดูแลพ่อ...” ไม่ทันที่จุนซูจะพูดต่อ ยองจีรีบตวาดออกมาทันที
            “ทำไมหล่ะจุนซู...นายก็ดูแลแม่นายได้อีกอย่างพี่จุนโฮก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่านายตั้งเยอะ...พี่เค้าก็น่าที่จะทำงานที่ต่างประเทศสิ...ส่วนนายเองก็ยังเรียนไม่จบไปอยู่ต่างเมืองแบบนั้นจะทำยังไง” ยองจีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อพูดสิ่งที่อัดอั้นมานาน
            “ชั้นเข้าใจที่เธอพูด...แต่เธอเข้าใจมั้ยว่าชั้นอยากไปที่นู้น...เพราะชั้นเบื่อที่นี่...เบื่อที่จะต้องมาเจอสิ่งที่เดิมๆทุกๆวัน...มันไม่มีอะไรที่น่าสนใจ...” ยองจีขัดจังหวะขึ้นทันทีเมื่อได้ยินบางคำที่ออกมาจากปากของจุนซู
            “เบื่อ...เบื่อที่นี่...เบื่อสิ่งเดิมๆ...นายรวมถึงชั้นด้วยรึเปล่าจุนซู” น้ำเสียงยองจีดูเศร้าลงถนัดตา
            “ทำไมเธอคิดแบบนั้นหละยองจี...เธอเป็นเพื่อนชั้นนะจะเบื่อได้ยังไง” จุนซูพยายามพูดปลอบ
            “แล้วทำไมถึงต้องไป” ยองจีเน้นคำถาม
            “...” จุนซูเองก็ไม่รู้ที่จะต้องตอบยังไง เลยยืนเงียบอยู่แบบนั้น
            “ชั้นคิดว่าที่ชั้นมาเที่ยวกับนายหลังเลิกเรียนมันจะช่วยให้นายเปลี่ยนความคิดเรื่องย้ายไป...แต่ไม่ใช่เลยนายไม่เคยที่จะเปลี่ยนความคิด...จุนซูถ้านายไปแล้วใครจะคอยไปเที่ยวกับชั้นหลังเลิกเรียน” ยองจีถามเมื่อจุนซูเงียบไปพักใหญ่
            “พอเธอเข้ามหาลัยก็มีเพื่อนเยอะแยะ...เธอจะไปเที่ยวกับใครก็ได้เชื่อชั้นสิ” จุนซูยิ้มน้อยๆ
            “แล้วใครจะคอยไปส่งชั้นที่บ้านหลังจากที่เที่ยวเสร็จ...ใครจะคอยมาว่าชั้นเรื่องบ้าดารา...ใครจะคอยแก้ตัวกับแม่ชั้นเวลากลับบ้านดึก...แล้วใครจะเป็นคนที่ชั้นไว้ใจได้มากเท่านาย” ยองจีเริ่มน้ำตาคลอ จุนซูเองก็ดูอึดอัดไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเพื่อนจะแสดงความอ่อนแอที่เค้าเองก็ไม่ต้องการแสดงมันออกมาเช่นกัน จุนซูพยายามกลั้นน้ำตาก่อนจะข่มเสียงให้นิ่งที่สุด
            “ยองจี...เดี๋ยวเธอก็มีเพื่อนที่สนิทเหมือนชั้นตอนนี้เชื่อสิ...อีกอย่างนะเธอเองก็ต้องมีแฟน...เค้านั้นแหละจะเป็นคนที่แก้ปัญหาให้เธอทุกอย่าง” จุนซูยิ้มน้อยๆก่อนจะจูงมือยองจีออกจากร้านเพื่อพากลับบ้าน ยองจีขืนตัวไม่ยอมไป ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
            “แฟน...แบบไหนที่เรียกว่าแฟนหรอจุนซู” ยองจีเอ่ยถาม        
            “คนที่คอยไปเที่ยวด้วยกัน...คนที่ปกป้องตลอดเวลา...คนที่คอยแก้ตัวให้เสมอ...และคนที่อยู่ด้วยตลอดเวลาแบบนี้ใช่มั้ยที่เรียกว่าแฟน” ยองจีเอ่ยออกมา
            “ใช่สิแบบนั้นเลย” จุนซูเอ่ยเสียงใสก่อนพยักหน้ารับ 
            “ใช่แบบนั้นใช่มั้ยจุนซู...แบบนั้นทุกอย่างใช่มั้ย...ทั้งหมดที่ชั้นพูดมาใช่มั้ย” ยองจีเอ่ยย้ำอีกรอบ ก่อนจะเงยหน้ามองจุนซูที่นั่งอยู่ข้างๆ
            “อืม...แบบนั้นแหละที่เรียกว่าแฟน” จุนซูตอบรับเมื่อเห็นว่ายองจียังคงร้องไห้ไม่เลิก
            “แล้วที่ชั้นทำทุกอย่างนายไม่เข้าใจใช่มั้ย...” ยองจีเอ่ย
            “ทำทุกอย่าง...เธอพูดอะไรของเธอยองจี...เธอทำอะไร” จุนซูรู้สึกงงๆที่ยองจีพูด
            “ที่นายมาเที่ยวกับชั้นเพราะเราเป็นเพื่อนกันสินะ...ที่นายคอยแก้ตัวเรื่องชั้นเพราะว่าเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย...แล้วที่นายคอยว่าชั้นเรื่องบ้าดาราเพราะว่าเพื่อนเตือนเพื่อนใช่มั้ย...ถ้างั้นที่ผ่านมาทั้งหมดชั้นก็บ้าคิดเองไปฝ่ายเดียวใช่มั้ย” หลังจบประโยคยองจีก็กลั้นน้ำตาทั้งหมดไว้ไม่อยู่ ร่างเล็กบางของหญิงสาวสั่นเทิ้มไปทั่วร่างเมื่อน้ำตาปห่งความเสียใจถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
            “ยองจี...เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ชั้นรักมากที่สุดนะชั้นจึงต้องคอยดูแลปกป้องเธอ...เข้าใจใช่มั้ย” จุนซูพูดปลอบเมื่อเห็นว่ายองจีคงไม่มีทางที่จะหยุดร้องง่ายๆ
            “แต่ชั้นไม่อยากเป็นเพื่อนนายเข้าใจมั้ยจุนซู...เพราะว่าชั้นชอบนาย” ยองจีตะโกนใส่หน้าจุนซู
            “ไม่เอาอย่าพูดเล่นหน่ายองจี” จุนซูเมื่อได้ยินก็กลับทำเป็นเบี่ยงออกไป
            “พูดเล่นหรอจุนซู...ชั้นคิดว่าที่นายว่าชั้นเรื่องบ้าดาราอะไรนั้น...ชั้นคิดว่านายหึงชั้นซะอีก...ชั้นคิดว่าที่นายชอบออกมาเที่ยวกับชั้นบ่อยๆเพราะนายอยากเจอชั้นอย่างที่ชั้นอยากเจอนายซะอีก...ทั้งหมดคือชั้นเป็นคนคิดเองฝ่ายเดียวใช่มั้ย...ที่คิดว่านายก็ชอบชั้นเหมือนกัน” ยองจีพยายามควบคุมสติ
            “ใช่ยองจีชั้นชอบเธอ...ชอบแบบเพื่อนสนิทที่เพื่อนคนนีงต้องการจะปกป้องเพื่อน...ชั้นขอโทษที่ทุกอย่างที่ความหวังดีที่ชั้นมีให้เธอทำให้เธอแบบนั้น...แต่ยองจีเธอฟังนะการเป็นเพื่อนมันยั่งยืนกว่าทุกๆสิ่ง” จุนซูพูดก่อนจะเดินออกจากร้านไปทันทีโดยไม่สนใจยองจีสักนิด เพราะจุนซูเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้ยองจีเองคิดไปแบบนั้น ความห่วงใยแบบเพื่อนที่บริสุทธิ์ไม่เคยแฝงหาผลตอบแทน แต่ถูกตีความหมายกลายเป็นอื่น ยองจีก็ได้แต่นั่งร้องไห้กับสิ่งที่ได้พูดออกไป ในใจก็คิดว่าสิ่งที่ถูกเก็บเป็นความลับมานานถูกไขออกเท่านี้ยองจีก็รู้สึกโล่งใจที่ได้ทำสิ่งที่ต้องการทำมาเป็นเวลาหลายปี หลังจากวันนั้นทั้งยองจีและจุนซูก็ไม่ได้เจอกัน จนถึงกำหนดฟังผลสอบ เป็นวันเดียวกับที่จุนซูต้องออกเดินทางพอดี

+-+-+-+-+- My superstar +-+-+-+-+-+

            “พ่อครับแล้วเราไปที่นู้นแล้วเราจะคุยกับเค้ายังไง...เรื่องภาษาก็ยังไม่ได้เลย” จุนซูเอ่ยถามเรื่องที่เค้าหนักใจมากที่สุด
            “อย่ากังวลไปเลยลูก...พ่อรู้ว่าเรื่องภาษาไม่ใช่อุปสรรคเพียงแค่ว่าลูกชอบที่นั่นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเป็นกอง...แล้วนี่ไม่คิดจะลายองจีหน่อยหรอลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ายองจีไม่ได้มาหาจุนซูหลายอาทิตย์
            “อ่อ...คือเราคุยกันเรียบร้อยแล้วครับพ่อ” จุนซูตอบ
            “อ่าว...นั่นไงพ่อพูดไม่ขาดคำยองจีวิ่งหน้าตั้งมานู้นแล้ว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเมื่อเดินไปที่หน้าบ้านแล้วเห็นยองจีวิ่งตรงมา
            “คุณลุงค่ะ...จุนซูอยู่ในบ้านใช่มั้ยค่ะ” ชายสูงวัยพยักหน้าตอบ หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
            “จุนซู...นิสัยไม่ดีจะไปแล้วนายไม่คิดจะโทรบอกชั้นเลยใช่มั้ย” ยองจีเอ่ยเสียงงอนๆ
            “เปล่า...ชั้นแค่ไม่อยากให้เธอ...”
            “อะไรไม่อยากให้เธออะไร...นายจำไม่ได้หรอว่าเราเป็นเพื่อนกัน” ยองจียิ้ม
            “แล้วชั้นก็ยังเป็นเพื่อนนายเหมือนเดิมใช่มั้ย” ยองจีถามซ้ำ
            “แน่นอนยองจี...เรายังเป็นเพื่อนกัน” จุนซูตอบพลางมือก็ยังคงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า
            “โอเค...นายไม่โกรธชั้นแล้วใช่มั้ย” หลังจากจบประโยค จุนซูก็พยักหน้าตอบ
            “ถ้างั้นนายรับไอนี่ไว้ด้วย...อีกอย่างห้ามทิ้งเด็ดขาดถ้าชั้นรู้ว่านายทิ้งหละก็ชั้นโกรธนายแน่...จุนซู” หลังจากพูดจบก็เอาของบางอย่างยัดใส่มือจุนซู ก่อนจะทำหน้าเหมือนเป็นผู้ชนะก็ไม่ปาน จุนซูแบมืออกเพื่อดูสิ่งที่ยองจีให้ ก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ
            “อะไรของเธอเนี่ย...รูปไอบ้าที่ไหนอีก” จุนซูทำเสียงเหนื่อยๆ
            “อย่าทิ้งเด็ดขาดเลยนะ...ถ้าชั้นรู้นายตายแน่จุนซู” ยองจีเอ่ยขึ้นพร้อมกลั้วหัวเราะ
            “จะบ้ารึไง...ดูสิอุตส่าห์ลงทุนไปเคลือบกันน้ำเลย...ถามจริงเหอะยองจี...มันเป็นพ่อเธอรึไงถึงได้ทะนุถนอมขนาดนั้น” จุนซูส่ายหน้าอาดๆเมื่อรูปในมือที่ยองจีตั้งใจไปเคลือบมาไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไอดาราที่ขึ้นปกเมื่อวันนั้นนั่นแหละ
            “จุนซูนายชอบมองเค้าในแง่ร้ายพี่เค้าออกจะนิสัยดี...นี่แหละคนที่จะเป็นแฟนชั้น...นายคอยดูสิถ้าครั้งหน้านายกลับมาเกาหลีพี่เค้าก็เป็นแฟนชั้นแล้ว” ยองจีทำท่าเหมือนตกอยู่ในภวังค์อะไรสักอย่างจนจุนซูจะขัดความฝันของยองจีทลายลงไปเป็นแถบ
            “งั้นหรอ...ชั้นคิดว่าเค้าคงเอาเธอไปเป็นอาจุมม่าซักกางเกงในให้มากกว่าที่จะเกินควงเธอออกงานนะยองจี...อีกอย่างเลิกเพ้อได้แล้วเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยดีๆให้ได้ซะก่อนจะมาคิดเรื่องแฟน...เข้าใจที่ชั้นพูดใช่มั้ย” จุนซูรู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่ต้องคอยย้ำให้เข้าสมองของยองจี
            “โอเคๆ...ไอตูดเป็ด...เตรียมตัวสอบก็ได้...แต่อย่าลืมนะอย่าทิ้งรูปพี่เค้าเด็ดขาดเพราะพี่เค้าเป็นดวงใจของชั้นเลยนายรู้มั้ย” ยองจีหลับตาพริ้ม
            “ไปกลับบ้านไปได้แล้วพ่อชั้นรอนานแล้วเห็นมั้ย” จุนซูเอ่ยตะคอก
            “ก็ได้ๆ” ยองจีลุกขึ้นช่วยจุนซูขนของ ก่อนจะส่งคุณลุงและจุนซูขึ้นรถที่คุณป้ากับพี่จุนโฮนั่งรออยู่
            “เดินทางปลอดภัยนะคะคุณลุงหนูคงส่งได้แค่นี้...โชคดีนะจุนซูแล้วอย่าลืมที่ชั้นบอก” ยองจียังคงย้ำไม่เลิกก่อนจะปิดประตูรถแล้วโบกมือเพื่อเป็นการอำลา รอยยิ้มที่ดูจริงใจของยองจีกลับมาหลังจากเรื่องราววันนั้นทำให้จุนซูรู้สึกโล่งใจไม่น้อยเมื่อยองจีกลับมาเป็นคนเดิม เท่านี้คงไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่นานนักก็ถึงสนามบิน ทั้งแม่และพี่ก็ต่างสั่งเสียและอบรมเป็นการใหญ่เรื่องดูแลพ่อ จะอะไรนักหนาพ่อนั่นแหละต้องดูแลผมมากกว่า
            “แม่ครับ...จะสั่งอะไรนักหนา...ผมไม่พาพ่อไปจีบสาวหรอกน่า” จุนซูพูดตลกๆ
            “ก็ลูกเป็นแบบนี้ไงจุนซูแม่ถึงได้ห่วง...ไปถึงนู้นก็ตั้งใจทำงานหละอย่าดื้อเข้าใจมั้ย” ผู้เป็นแม่กล่าวย้ำเป็นรอบที่ร้อยได้ตั้งแต่ขึ้นรถมา หลังจากคุยกันได้ไม่นานก็ต้องแยกกันทั้งแม่และพี่เดินมาส่งที่เกต หลังจากเดินเข้าไปก็ไม่หันหลังกลับมามองเพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าหันกลับไปต้องมีน้ำตาตกแน่เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยห่างจากแม่และพี่เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่คนละที่ หรือเป็นเพราะว่าต้องการให้เรารู้จักช่วยเหลือตัวเองจึงส่งไปทำงานที่นู้นกันน๊า ตลอดระยะเวลาที่นั่งเครื่อง ก็นั่งครุ่นคิดตลอดเวลา นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้
            “จุนซูๆถึงแล้วลูกเครื่องกำลังลงแล้ว” ผู้เป็นพ่อส่งเสียงเรียก
            “อ่อ...ครับ” จุนซูสะลึมสะลือ ก่อนจะขยี้ตาเพื่อปรับแสงสว่างให้คุ้นชิน
            “แล้วเราต้องนั่งเครื่องต่อไปอีกนะลูก...เหนื่อยมั้ย” ชายสูงวัยเอ่ยถาม
            “อ่อ...เล็กน้อยครับพ่อ...แล้วที่นี้ผมจะรู้ได้รึยังว่าเรามาที่ไหน” จุนซูยังคงสงสัยไม่เลิก
            “ลงเครื่องแล้วลูกก็จะรู้เอง” หลังจากที่ผู้เป็นพ่อพูดจบเครื่องก็ลงจอด จุนซูก็ลุกขึ้นอย่างไวเพราะความสงสัยที่เค้าต้องการรู้อยู่ไม่ไกลเอาเสียเลย
            “สวัสดีค่ะ” เสียงแอร์โฮสเตสกล่าวต้อนรับตรงข้างหน้าทางออก หลังจากที่จุนซูได้ยินก็ถึงกับยิ้มไม่หุบ
            “เรื่องจริงหรอเนี่ย” จุนซูบ่นพึมพำ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเดินพาจุนซูไปขึ้นเครื่องต่อเพื่อให้ถึงที่หมายปลายทางอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั่งเครื่องเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง เครื่องก็ลงจอดสนิททันทีที่เดินออกมาจากสนามบิน ก็มีรถมารับถึงที่ตรงไปที่ร้านทันที จุนซูรู้สึกงงๆเล็กน้อยเพราะเค้าเดินทางมาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงแล้ว รถยนต์ที่มารับจอดสนิทก่อนที่จุนซูจะเปิดประตูออก ยิ้มรับกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
            “พ่อครับนี่ผมไม่ได้ฝันใช่มั้ย” จุนซูเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
            “อืม...พ่อคิดอยู่แล้วว่าลูกต้องชอบ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะให้คนที่ร้านช่วยกันขนของเข้าไปในร้าน ร้านก็เป็นตึกสามชั้นสุดหรู แต่ก็ไม่เท่าสิ่งที่จุนซูได้สัมผัส
            “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นที่นี่” จุนซูเอ่ยขึ้นพร้อมกางแขนอ้ารับลมที่วิ่งเข้ามาปะทะหน้า
            “นี่แหละที่ๆชั้นอยากมาที่สุด...ภูเก็ตจ๋าสวรรค์ของจุนซู” จุนซูเอ่ยอีกรอบก่อนจะยิ้มไม่หุบ ราวกับภาพวาดที่จุนซูเคยวาดไว้ ร้านหันหน้าให้กับทะเล เป็นตึกสามชั้นสุดหรู ภายในร้านก็ดูหรูหรา ช่างเป็นภาพวาดที่จุนซูวาดไว้ในจินตนาการไม่มีผิด หลังจากชื่นชมบรรยากาศของทะเลสีใสสวยจนพอใจจุนซูก็เดินเข้าไปในร้าน
            “พ่อคิดว่าถ้าลูกอยู่ที่นี่คนเดียวคงจะไม่มีปัญหาใช่มั้ย” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
            “ครับ...ผมชอบที่นี่” จุนซูตอบรับก่อนจะขึ้นไปบนห้องที่ถูกจัดมาเพื่อเค้าโดยเฉพาะ ชั้นสองของร้านเป็นห้องพักของพนักงานของร้านจำนวนหลายห้อง ส่วนชั้นสามเป็นห้องที่แบ่งเป็นสองห้องใหญ่ ห้องของจุนซูเป็นห้องที่หันหน้าเข้าหาทะเล มีระเบียงยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อยืนรับลมทะเลได้ จุนซูรู้สึกพอใจไม่น้อย และพอใจเป็นอย่างมากหากจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป หลังจากเหน็กเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวันจุนซูก็ผล็อยหลับไปบนเตียงนุ่มๆ จนถึงเช้าวันต่อมา ร้านของจุนซูยังไม่ได้เปิดทำการเพราะเรื่องเฟอร์นิเจอร์และพนักงานยังคงไม่พร้อมส่วนจุนซูเองก็ยังเหนื่อยไม่หาย ส่วนพ่อเองก็วุ่นเรื่องร้านจุนซูเองก็ไม่รู้จะต้องช่วยยังไงจึงปล่อยให้ผู้ใหญ่เคลียร์ปัญหาก่อนจะขอปลีกตัวไปสูดกลิ่นไอทะเลให้สดชื่นเต็มปอด เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำดูเข้ากันดี พลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาจุนซูรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย สายตากวาดมองไปรอบๆเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย จนจุนซูเองลืมเรื่องภาษาไปซะสนิท แต่ยังดีที่จุนซูเองเคยเรียนภาษาไทยมาบ้างเพราะว่าเค้าชอบภูเก็ตนี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ถึงจะพูดไม่คล่องแต่ก็พอเข้าใจ ดังนั้นจุนซูเลยจะทดสอบทักษะภาษาไทยที่ได้เรียนมาสักหน่อย เดินไปตามริมชายหาดต่างมีร้านขายของมากมาย แต่จุนซูก็สะดุดกับโรงแรมริมชายทะเลที่มันดูหรูหรามาก มีทั้งสระน้ำที่ติดทะเลราวกับว่าสระน้ำเป็นเนื้อเดียวกับทะเลก็ไม่ปาน จุนซูจึงเดินเข้าไปเดินเล่น ก่อนจะยิ้มให้พนักงานต้อนรับก่อนจะเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
            “สวัสดีครับ” จุนซูพูดเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะทำท่าและก้มหัวลงน้อยๆ
            “สวัสดีค่ะ...มาเที่ยวหรอค่ะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยถามช้าๆ จุนซูยืนฟังก่อนจะยิ้ม
            “อ่อ...ผม...มาทำงานที่นี่ครับ” จุนซูตอบก่อนจะยิ้มน้อยๆ
            “ทำงานหรอค่ะ...แล้วพักอยู่ที่ไหนหละค่ะ” พนักงานถามกลับ
            “พัก...อ่อ...อยู่ข้างๆโรงแรมนี่แหละครับ...อย่าลืมไปเที่ยวร้านผม...บ้าง...เอ่อ...นะครับ” จุนซูพูดตะกุกตะกักน้อยๆ แต่ก็พอเข้าใจ ก่อนจะเดินดูรอบๆโรงแรม จุนซูเดินยิ้มไปตลอดทางหลังจากเดินเที่ยวชมโรงแรมอยู่นาน จุนซูก็ต้องหยุดเดินและมองไปที่สระน้ำริมหาดที่แทบแยกไม่ออกว่าอันไหนทะเลอันไหนสระน้ำเพราะช่างกลมกลืนกันมากทีเดียว พลางเดินเล่นวนรอบสระน้ำ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากมาย
            “นี่...นายเด็กของโรงแรมใช่มั้ย” เสียงบางคนที่นอนอาบแดดอยู่เรียกขึ้น จุนซูได้แต่ยืนทำหน้างงและก็ไม่ได้สนใจ แม้ว่าภาษาที่พูดนั่นจะเป็นภาษาบ้านเกิดของเค้าก็ตาม
            “นี่...พูดแล้วยังจะเดินหนีอีก” ไม่พูดเปล่าพลางลุกขึ้นมากระชากแขนของจุนซูไว้
            “นี่เป็นแค่พนักงานโรงแรมกล้าเดินหนีแขกแบบนี้ได้ยังไง...ไม่รู้ว่านายเข้ามาเป็นพนักงานได้ยังไงไม่รู้จักมีมารยาทกับลูกค้าบ้าง” คนที่นอนอยู่เมื่อครู่ลุกขึ้นมาพูดกระแทกใส่ทันที
            “นายนั่นแหละไม่มีมารยาท...อีกอย่างชั้นไม่ใช่พนักงานโรงแรมเข้าใจมั้ย” จุนซูตวาดกลับก่อนจะสะบัดแขนแล้วเดินออกไปอย่างหน้าตาเฉย
            “ไม่ใช่พนักงานโรงแรม...แต่เป็นคนทำความสะอาดสินะ...ดูนายแต่งตัวเข้าสิ” เสียงพูดที่ดูถูกเหยียดหยามทำเอาจุนซูถึงกับโมโหหนัก รีบเดินกลับมาแล้วต่อว่าคนเมื่อครู่ทันที
            “นายจะคิดยังไงก็ช่าง...แต่ชั้นไม่ใช่คนทำความสะอาดและไม่ใช่พนักงานอย่างที่นายว่าด้วย...แต่ก่อนอื่นถ้านายต้องการจะขอความช่วยเหลือจากใครก็ควรที่จะมีมารยาทในการพูดจาไม่ใช่จะมาดูถูกคนอื่นเค้าแบบนี้...หรือว่านายไม่เคยรู้จักคำว่ามารยาทกันแน่ถึงได้ทำตัวต่ำกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกได้มากขนาดนี้” จุนซูต่อว่าเป็นการใหญ่ ทำเอาคนที่ฟังถึงกับลมออกหู
            “ดูท่านายจะเป็นคนเกาหลีสินะ...แต่น่าเสียดายที่ชั้นไม่ได้มางานมีทติ้ง...แต่ถ้านายอยากได้ลายเซ็นหรือถ่ายรูปคู่กับชั้นก็บอกกันดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้เลยบอกกันดีๆก็ได้ยังไงซะชั้นก็เห็นนายเป็นคนเกาหลีเหมือนกัน” น้ำเสียงที่ยโสทำให้จุนซูถึงกับฉุน
            “ลายเซ็น...เหรอ...ลายเซ็นบ้าบออะไรไร้สาระ...อีกอย่างชั้นเป็นคนเกาหลีแล้วไง...มันก็บ้านเกิดเดียวกับนายแต่คงจะไม่ดีเท่าไรหรอกนะที่จะต้องยืนบนแผ่นดินเดียวกับนาย...แต่ก็ดีไปอย่างที่ชั้นย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว...อากาศที่นี่คงดีกว่าที่เกาหลีเยอะ...แต่ตอนนี้มลภาวะแถวนี้มันเยอะชั้นขอตัวก่อนดีกว่า...ก่อนที่อากาศบริสุทธิ์เมื่อกี้จะกลายเป็นมลพิษเพราะว่าใครบางคน” จุนซูทำน้ำเสียงกวนใส่ซึ่งเรียกเอาอารมณ์ของใครบางคนให้เดือดพล่านได้ภายในพริบตา
            “นี่นายว่าใคร...แล้วคิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆงั้นสิ” คนที่โมโหกระชากร่างจุนซูไว้ไม่ให้เดินต่อไป
            “ชั้นเอ่ยชื่อนายหรอ...อีกอย่างนายเป็นใครชื่ออะไรชั้นก็ไม่รู้จักทั้งนั้น...และอย่ามาทำตัวน่ารังเกียจไปมากกว่านี้จะดีกว่าเพราะแค่นี้ชั้นก็ขยะแขยงนายมากพอ” จุนซูตวาดใส่ทันที
            “นายอย่ามาทำเป็นไม่รู้จักชั้นไปหน่อยเลย...หรือว่านายจะให้สำนึกผิดแล้วขอโทษนาย...หรือต้องให้ลงไปคุกเข่าอ้อนวอนให้นายเลิกเกลียดชั้น...เพื่อที่นายจะมาเอาผลประโยชน์จากชั้น” น้ำเสียงกวนๆทำเอาจุนซูประสาทอีกรอบ
            “ผลประโยชน์บ้าอะไร...คนอย่างนายมีประโยชน์อะไร...อีกอย่างคนปากเสียแบบนายชาตินี้จะหาแฟนได้รึเปล่าก็ไม่รู้” จุนซูทำเสียงกวนกลับ
            “อ่อ...เข้าใจและเพราะนายชอบชั้นใช่มั้ยหละถึงได้พูดนำร่องมาขนาดนี้...นายนี่เก่งดีนะเอาเรื่องแฟนขึ้นมาซะตรงประเด็นเลย...โอเคเอางี้ชั้นจะให้นายถ่ายรูปคู่แล้วกันพอใจมั้ย” พยักหน้าน้อยๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของจุนซูออกจากกระเป๋าเสื้อ แล้วดึงจุนซูมาข้างๆเพื่อที่จะถ่ายรูป
            “นี่!!!จะบ้ารึไงชั้นบอกนายเมื่อไรว่าจะถ่ายรูปคู่กับนาย...นายนี่ท่าจะเพี้ยน...เอาโทรศัพท์ชั้นมาถ้าขืนนายถ่ายรูปจากโทรศัพท์ชั้นละก็มีหวังมันคงพังแน่เลย” จุนซูรีบคว้ามือถือมาทันทีแต่ก็โดนแย่งกลับไปได้
            “นี่นาย...ไม่รู้จักชั้นจริงๆน่ะหรอ” น้ำเสียงที่กวนๆเมื่อครู่เอ่ยถามขึ้น
            “ใช่แล้วก็ไม่อยากรู้จักด้วย” จุนซูเริ่มโมโห
            “นายย้ายมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรอ...นายถึงไม่รู้จักชั้น”
            “ทำไม...เพิ่งมาถึงเมื่อวานแล้วไง” จุนซูตอบกวนๆ
            “จะบ้าไปใหญ่แล้ว...ชั้นออกจะดังนายไม่รู้จักจริงๆหรอ...ชั้นอ่านะเล่นหนังตั้งหลายเรื่อง...ถ่ายแบบนิตยสารตั้งหลายเล่ม...อีกอย่างชั้นน่ะเป็นไอดอลของกลุ่มนักเรียนไฮสคูลด้วยซ้ำ...ดูท่านายก็น่าจะเป็นเด็กไฮสคูลหนิ...ทำไมถึงไมรู้จักชั้นหละ”
            “ก็บอกไม่รู้จักก็ไม่รู้จักสิ...อีกอย่างอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย...อ่อจะบอกว่าเป็นดารางั้นสิ...แล้วไงดารามันไม่ใช่คนรึไง...เป็นเทวดางั้นหรอไร้สาระอ่า” จุนซูพูดพร้อมถอนหายใจ เพราะเค้าเองไม่เคยสนใจเรื่องบันเทิงอะไรทั้งนั้นเพราะตั้งแต่รู้ว่าต้องย้ายมาก็เอาแต่สนใจเรื่องเรียน
            “อย่ามาโกหก...ชั้นไงที่ชื่อปาร์ค ยูชอนหน่ะ...คนที่วัยรุ่นของเกาหลีโหวตให้เป็นไอดอลอันดับหนึ่งเลยนะ...นายไม่รู้จักชั้นจริงๆหรอ...ไม่เอาน่าเป็นเด็กมาโกหกแบบนี้ไม่ดีเลย” ยูชอนส่ายหน้าอาดๆ
            “น่ารำคาญจริงๆเลย...มาอวดอ้างสรรพคุณอย่างกับยาแผนโบราณเบื่อคนพวกนี้จริงๆ” หลังจากสิ้นประโยคจุนซูก็เดินหนีไปทันทีเพราะเบื่อที่จะต้องมาทนฟังคนแบบนี้ เพราะคนแบบนี้แหละที่จุนซูเกลียดที่สุด ยูชอนได้แต่ยืนอึ้งเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำกับเค้าแบบนี้ แทนที่เค้าจะต้องดีใจสิที่ได้เจอชั้นแต่ทำไมถึงได้เดินหนีเฉยๆแบบนี้
            “เออ...คนแบบนี้ก็มีดูสิเดินหนีไปเฉยเลย...ดันลืมมือถือไว้อีก...555อ่อสงสัยอยากจะเจอชั้นอีกเลยแกล้งลืมโทรศัพท์ไว้...เฮ้อเด็กคนนี้ร้ายจริงๆ” ยูชอนบ่นออกมาเมื่อเห็นมือถือของจุนซูอยู่ในมือของตนเอง ก่อนจะยิ้มแล้วเดินขึ้นห้องพักไป