Title: My Superstar
Couple: Yuchun x Junsu
Author: Worthy_Min
“ดูสิพี่เค้าดูหล่อมากเลยเนอะ” เสียงสาวๆต่างกรีดร้องด้วยความสนใจ เมื่อดูนิตยสารเล่มหนาที่นายแบบขึ้นปกเป็นดาราชายหน้าใหม่ที่หล่อและดูดี ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงมากในหมู่นักเรียนไฮสคูล
“นี่จุนซูนายดูสิ...นายว่าเค้าหล่อมั้ย” เสียงเพื่อนสาวที่สนิทเอ่ยถามขึ้น พลางมือก็ยื่นนิตยสารเล่มเดิมให้จุนซูดู
“ก็งั้นๆอ่า...เค้าก็คนเหมือนเราชั้นว่าเธอเลิกกรี๊ดบ้าบอสักที...ชั้นไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ” จุนซูตอบเมื่อเห็นว่าเพื่อนยังคงไม่เลิกชื่นชมกระดาษหน้าปกไร้สาระเมื่อครู่
“จุนซูอ่า...ทำไมพูดแบบนั้นหละ...พี่เค้าออกจะหล่อ...แล้วนี่จุนซูนายเคยดูหนังที่พี่เค้าเล่นมั้ย” ยองจีเพื่อนที่จุนซูรู้จักและสนิทที่สุดเอ่ยถามขึ้น
“หนังอะไร...ชั้นบอกว่าให้เธอหยุดบ้าได้แล้ว...แล้วตั้งใจอ่านหนังสือเพราะว่านี่มันเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของไฮสคูลแล้วนะ” จุนซูตอบอย่างไม่สนใจว่าเพื่อนจะรู้สึกยังไง แต่ให้ทำยังไงได้ก็เพื่อนของจุนซูบ้าดารามาตั้งแต่เด็กๆ จุนซูเองก็เบื่อกับพฤติกรรมของยองจี ยิ่งช่วงพักหลังนี้มาจุนซูไม่ค่อยที่จะได้พูดคุยกับเพื่อนมากนัก เพราะเค้าเองก็เครียดเรื่องที่จะต้องย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ เป็นเพราะว่ากิจการร้านพิชซ่าของที่บ้านขยายกิจการไปมากจุนซูจึงต้องตั้งใจเรียนไฮสคูลปีสุดท้ายที่เกาหลีให้ดีที่สุด ส่วนที่เกาหลีเองแม่และพี่จุนโฮเป็นคนดูแล ส่วนจุนซูและพ่อต้องแยกออกไปพัฒนากิจการที่ต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ยองจีเองก็ทราบดี ยองจีจึงตั้งใจให้ช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้อยู่กับจุนซูเป็นช่วงเวลาที่จุนซูได้จดจำมากที่สุด แต่เพราะจุนซูเอาแต่ปิดกั้นตัวเอง ยองจีจึงต้องพยายามให้มากขึ้น
“โอเค...จุนซูชั้นจะอ่านหนังสือเพื่อจะได้ทำข้อสอบได้...นายโอเคมั้ย” หลังจากที่จุนซูเอ่ย ยองจีเองก็ไม่อยากจะขัดจุนซูเพราะภายในใจลึกๆก็รู้สึกเจ็บๆไม่น้อยเมื่อต้องจากเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ
“ก็ดี...แล้วเลิกบ้าได้แล้วดาราไร้สาระนั่นหน่ะ...มันมาช่วยติวหนังสือให้เธอรึไง...ถ้าเธอสอบเข้ามหาลัยไม่ได้มันจะมาช่วยเธอให้เธอเข้าได้รึไง” จุนซูพูดเมื่อเห็นว่าท่าทางของยองจีดูอ่อนลง จุนซูและยองจีต่างนั่งอ่านหนังสือกันอยู่เงียบๆ ไม่นานนักอาจารยTest final ของไฮสคูลปีสุดท้ายก่อนจะจบ จุนซูตั้งใจทำเป็นอย่างมาก จุนซูใช้เวลาไม่นานก็ทำข้อสอบเสร็จจึงออกไปรอยองจีหน้าห้องเพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องมาโรงเรียน ทั้งจุนซูและยองจีต่างจะไปเลี้ยงฉลองกับการเป็นนักเรียนไฮสคูลวันสุดท้าย เสียงออดหมดเวลาเพียงครู่เดียวดังขึ้นยองจีเดินหน้าเศร้าออกมาจากห้องเรียนก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเศร้าพลางคนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มเยาะเป็นการใหญ่
“จุนซูชั้นทำข้อสอบไม่ได้เลยอ่า...ฮือจะทำยังไงดีถ้าคะแนนไม่ถึงมีหวังต้องลงเรียนซัมเมอร์แน่ๆเลย” ยองจีเดินคอตกออกมาจากห้องเรียน
“เป็นไงชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกบ้าดารานั่นได้แล้ว...เป็นไงทีนี้มันมาช่วยให้เธอคะแนนสูงขึ้นรึเปล่า” จุนซูพูด ก่อนจะปลอบยองจีก่อนจะไปกินไอติมที่ร้านประจำสมัยเมื่อม.ต้น ก่อนจะไปเที่ยวที่เกมส์เซ็นเตอร์เพื่อเป็นการผ่อนคลาย และก็มาจบที่ร้านหนังสือร้านประจำที่จุนซูและยองจีมาด้วยกันเป็นประจำทุกวัน
“นี่จุนซูแล้วนายจะย้ายไปเมื่อไหร่” ยองจีเอ่ยถามประเด็นที่เค้าคิดที่จะถามจุนซูมาตลอดเวลาที่รู้เรื่อง
“คงจะปลายเดือนหน้าหรือไม่ก็อาทิตย์หน้า...ไม่รู้ว่าพ่อจะเอายังไง” จุนซูเอ่ยพลางหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ยองจีรวบหนังสือที่มือจุนซูก่อนจะตั้งใจถามคำถามอีกรอบ
“จุนซู...นายไม่ไป...ไม่ได้รึไง” น้ำเสียงหวานเน้นหนักที่ประโยคสุดท้าย ก่อนจะพูดเสริมขึ้น
“ก็ให้พี่จุนโฮไปกับพ่อนายสิ...ส่วนนายก็อยู่ที่เกาหลีนี่” ยองจีพยายามพูดอธิบาย
“ไม่ได้หรอกยองจี...เธอไม่เข้าใจ...เพราะพี่จุนโฮต้องดูแลแม่ ส่วนชั้นก็ต้องดูแลพ่อ...” ไม่ทันที่จุนซูจะพูดต่อ ยองจีรีบตวาดออกมาทันที
“ทำไมหล่ะจุนซู...นายก็ดูแลแม่นายได้อีกอย่างพี่จุนโฮก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่านายตั้งเยอะ...พี่เค้าก็น่าที่จะทำงานที่ต่างประเทศสิ...ส่วนนายเองก็ยังเรียนไม่จบไปอยู่ต่างเมืองแบบนั้นจะทำยังไง” ยองจีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อพูดสิ่งที่อัดอั้นมานาน
“ชั้นเข้าใจที่เธอพูด...แต่เธอเข้าใจมั้ยว่าชั้นอยากไปที่นู้น...เพราะชั้นเบื่อที่นี่...เบื่อที่จะต้องมาเจอสิ่งที่เดิมๆทุกๆวัน...มันไม่มีอะไรที่น่าสนใจ...” ยองจีขัดจังหวะขึ้นทันทีเมื่อได้ยินบางคำที่ออกมาจากปากของจุนซู
“เบื่อ...เบื่อที่นี่...เบื่อสิ่งเดิมๆ...นายรวมถึงชั้นด้วยรึเปล่าจุนซู” น้ำเสียงยองจีดูเศร้าลงถนัดตา
“ทำไมเธอคิดแบบนั้นหละยองจี...เธอเป็นเพื่อนชั้นนะจะเบื่อได้ยังไง” จุนซูพยายามพูดปลอบ
“แล้วทำไมถึงต้องไป” ยองจีเน้นคำถาม
“...” จุนซูเองก็ไม่รู้ที่จะต้องตอบยังไง เลยยืนเงียบอยู่แบบนั้น
“ชั้นคิดว่าที่ชั้นมาเที่ยวกับนายหลังเลิกเรียนมันจะช่วยให้นายเปลี่ยนความคิดเรื่องย้ายไป...แต่ไม่ใช่เลยนายไม่เคยที่จะเปลี่ยนความคิด...จุนซูถ้านายไปแล้วใครจะคอยไปเที่ยวกับชั้นหลังเลิกเรียน” ยองจีถามเมื่อจุนซูเงียบไปพักใหญ่
“พอเธอเข้ามหาลัยก็มีเพื่อนเยอะแยะ...เธอจะไปเที่ยวกับใครก็ได้เชื่อชั้นสิ” จุนซูยิ้มน้อยๆ
“แล้วใครจะคอยไปส่งชั้นที่บ้านหลังจากที่เที่ยวเสร็จ...ใครจะคอยมาว่าชั้นเรื่องบ้าดารา...ใครจะคอยแก้ตัวกับแม่ชั้นเวลากลับบ้านดึก...แล้วใครจะเป็นคนที่ชั้นไว้ใจได้มากเท่านาย” ยองจีเริ่มน้ำตาคลอ จุนซูเองก็ดูอึดอัดไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเพื่อนจะแสดงความอ่อนแอที่เค้าเองก็ไม่ต้องการแสดงมันออกมาเช่นกัน จุนซูพยายามกลั้นน้ำตาก่อนจะข่มเสียงให้นิ่งที่สุด
“ยองจี...เดี๋ยวเธอก็มีเพื่อนที่สนิทเหมือนชั้นตอนนี้เชื่อสิ...อีกอย่างนะเธอเองก็ต้องมีแฟน...เค้านั้นแหละจะเป็นคนที่แก้ปัญหาให้เธอทุกอย่าง” จุนซูยิ้มน้อยๆก่อนจะจูงมือยองจีออกจากร้านเพื่อพากลับบ้าน ยองจีขืนตัวไม่ยอมไป ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“แฟน...แบบไหนที่เรียกว่าแฟนหรอจุนซู” ยองจีเอ่ยถาม
“คนที่คอยไปเที่ยวด้วยกัน...คนที่ปกป้องตลอดเวลา...คนที่คอยแก้ตัวให้เสมอ...และคนที่อยู่ด้วยตลอดเวลาแบบนี้ใช่มั้ยที่เรียกว่าแฟน” ยองจีเอ่ยออกมา
“ใช่สิแบบนั้นเลย” จุนซูเอ่ยเสียงใสก่อนพยักหน้ารับ
“ใช่แบบนั้นใช่มั้ยจุนซู...แบบนั้นทุกอย่างใช่มั้ย...ทั้งหมดที่ชั้นพูดมาใช่มั้ย” ยองจีเอ่ยย้ำอีกรอบ ก่อนจะเงยหน้ามองจุนซูที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อืม...แบบนั้นแหละที่เรียกว่าแฟน” จุนซูตอบรับเมื่อเห็นว่ายองจียังคงร้องไห้ไม่เลิก
“แล้วที่ชั้นทำทุกอย่างนายไม่เข้าใจใช่มั้ย...” ยองจีเอ่ย
“ทำทุกอย่าง...เธอพูดอะไรของเธอยองจี...เธอทำอะไร” จุนซูรู้สึกงงๆที่ยองจีพูด
“ที่นายมาเที่ยวกับชั้นเพราะเราเป็นเพื่อนกันสินะ...ที่นายคอยแก้ตัวเรื่องชั้นเพราะว่าเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย...แล้วที่นายคอยว่าชั้นเรื่องบ้าดาราเพราะว่าเพื่อนเตือนเพื่อนใช่มั้ย...ถ้างั้นที่ผ่านมาทั้งหมดชั้นก็บ้าคิดเองไปฝ่ายเดียวใช่มั้ย” หลังจบประโยคยองจีก็กลั้นน้ำตาทั้งหมดไว้ไม่อยู่ ร่างเล็กบางของหญิงสาวสั่นเทิ้มไปทั่วร่างเมื่อน้ำตาปห่งความเสียใจถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
“ยองจี...เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ชั้นรักมากที่สุดนะชั้นจึงต้องคอยดูแลปกป้องเธอ...เข้าใจใช่มั้ย” จุนซูพูดปลอบเมื่อเห็นว่ายองจีคงไม่มีทางที่จะหยุดร้องง่ายๆ
“แต่ชั้นไม่อยากเป็นเพื่อนนายเข้าใจมั้ยจุนซู...เพราะว่าชั้นชอบนาย” ยองจีตะโกนใส่หน้าจุนซู
“ไม่เอาอย่าพูดเล่นหน่ายองจี” จุนซูเมื่อได้ยินก็กลับทำเป็นเบี่ยงออกไป
“พูดเล่นหรอจุนซู...ชั้นคิดว่าที่นายว่าชั้นเรื่องบ้าดาราอะไรนั้น...ชั้นคิดว่านายหึงชั้นซะอีก...ชั้นคิดว่าที่นายชอบออกมาเที่ยวกับชั้นบ่อยๆเพราะนายอยากเจอชั้นอย่างที่ชั้นอยากเจอนายซะอีก...ทั้งหมดคือชั้นเป็นคนคิดเองฝ่ายเดียวใช่มั้ย...ที่คิดว่านายก็ชอบชั้นเหมือนกัน” ยองจีพยายามควบคุมสติ
“ใช่ยองจีชั้นชอบเธอ...ชอบแบบเพื่อนสนิทที่เพื่อนคนนีงต้องการจะปกป้องเพื่อน...ชั้นขอโทษที่ทุกอย่างที่ความหวังดีที่ชั้นมีให้เธอทำให้เธอแบบนั้น...แต่ยองจีเธอฟังนะการเป็นเพื่อนมันยั่งยืนกว่าทุกๆสิ่ง” จุนซูพูดก่อนจะเดินออกจากร้านไปทันทีโดยไม่สนใจยองจีสักนิด เพราะจุนซูเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้ยองจีเองคิดไปแบบนั้น ความห่วงใยแบบเพื่อนที่บริสุทธิ์ไม่เคยแฝงหาผลตอบแทน แต่ถูกตีความหมายกลายเป็นอื่น ยองจีก็ได้แต่นั่งร้องไห้กับสิ่งที่ได้พูดออกไป ในใจก็คิดว่าสิ่งที่ถูกเก็บเป็นความลับมานานถูกไขออกเท่านี้ยองจีก็รู้สึกโล่งใจที่ได้ทำสิ่งที่ต้องการทำมาเป็นเวลาหลายปี หลังจากวันนั้นทั้งยองจีและจุนซูก็ไม่ได้เจอกัน จนถึงกำหนดฟังผลสอบ เป็นวันเดียวกับที่จุนซูต้องออกเดินทางพอดี
+-+-+-+-+- My superstar +-+-+-+-+-+
“พ่อครับแล้วเราไปที่นู้นแล้วเราจะคุยกับเค้ายังไง...เรื่องภาษาก็ยังไม่ได้เลย” จุนซูเอ่ยถามเรื่องที่เค้าหนักใจมากที่สุด
“อย่ากังวลไปเลยลูก...พ่อรู้ว่าเรื่องภาษาไม่ใช่อุปสรรคเพียงแค่ว่าลูกชอบที่นั่นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเป็นกอง...แล้วนี่ไม่คิดจะลายองจีหน่อยหรอลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ายองจีไม่ได้มาหาจุนซูหลายอาทิตย์
“อ่อ...คือเราคุยกันเรียบร้อยแล้วครับพ่อ” จุนซูตอบ
“อ่าว...นั่นไงพ่อพูดไม่ขาดคำยองจีวิ่งหน้าตั้งมานู้นแล้ว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเมื่อเดินไปที่หน้าบ้านแล้วเห็นยองจีวิ่งตรงมา
“คุณลุงค่ะ...จุนซูอยู่ในบ้านใช่มั้ยค่ะ” ชายสูงวัยพยักหน้าตอบ หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
“จุนซู...นิสัยไม่ดีจะไปแล้วนายไม่คิดจะโทรบอกชั้นเลยใช่มั้ย” ยองจีเอ่ยเสียงงอนๆ
“เปล่า...ชั้นแค่ไม่อยากให้เธอ...”
“อะไรไม่อยากให้เธออะไร...นายจำไม่ได้หรอว่าเราเป็นเพื่อนกัน” ยองจียิ้ม
“แล้วชั้นก็ยังเป็นเพื่อนนายเหมือนเดิมใช่มั้ย” ยองจีถามซ้ำ
“แน่นอนยองจี...เรายังเป็นเพื่อนกัน” จุนซูตอบพลางมือก็ยังคงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า
“โอเค...นายไม่โกรธชั้นแล้วใช่มั้ย” หลังจากจบประโยค จุนซูก็พยักหน้าตอบ
“ถ้างั้นนายรับไอนี่ไว้ด้วย...อีกอย่างห้ามทิ้งเด็ดขาดถ้าชั้นรู้ว่านายทิ้งหละก็ชั้นโกรธนายแน่...จุนซู” หลังจากพูดจบก็เอาของบางอย่างยัดใส่มือจุนซู ก่อนจะทำหน้าเหมือนเป็นผู้ชนะก็ไม่ปาน จุนซูแบมืออกเพื่อดูสิ่งที่ยองจีให้ ก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ
“อะไรของเธอเนี่ย...รูปไอบ้าที่ไหนอีก” จุนซูทำเสียงเหนื่อยๆ
“อย่าทิ้งเด็ดขาดเลยนะ...ถ้าชั้นรู้นายตายแน่จุนซู” ยองจีเอ่ยขึ้นพร้อมกลั้วหัวเราะ
“จะบ้ารึไง...ดูสิอุตส่าห์ลงทุนไปเคลือบกันน้ำเลย...ถามจริงเหอะยองจี...มันเป็นพ่อเธอรึไงถึงได้ทะนุถนอมขนาดนั้น” จุนซูส่ายหน้าอาดๆเมื่อรูปในมือที่ยองจีตั้งใจไปเคลือบมาไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไอดาราที่ขึ้นปกเมื่อวันนั้นนั่นแหละ
“จุนซูนายชอบมองเค้าในแง่ร้ายพี่เค้าออกจะนิสัยดี...นี่แหละคนที่จะเป็นแฟนชั้น...นายคอยดูสิถ้าครั้งหน้านายกลับมาเกาหลีพี่เค้าก็เป็นแฟนชั้นแล้ว” ยองจีทำท่าเหมือนตกอยู่ในภวังค์อะไรสักอย่างจนจุนซูจะขัดความฝันของยองจีทลายลงไปเป็นแถบ
“งั้นหรอ...ชั้นคิดว่าเค้าคงเอาเธอไปเป็นอาจุมม่าซักกางเกงในให้มากกว่าที่จะเกินควงเธอออกงานนะยองจี...อีกอย่างเลิกเพ้อได้แล้วเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยดีๆให้ได้ซะก่อนจะมาคิดเรื่องแฟน...เข้าใจที่ชั้นพูดใช่มั้ย” จุนซูรู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่ต้องคอยย้ำให้เข้าสมองของยองจี
“โอเคๆ...ไอตูดเป็ด...เตรียมตัวสอบก็ได้...แต่อย่าลืมนะอย่าทิ้งรูปพี่เค้าเด็ดขาดเพราะพี่เค้าเป็นดวงใจของชั้นเลยนายรู้มั้ย” ยองจีหลับตาพริ้ม
“ไปกลับบ้านไปได้แล้วพ่อชั้นรอนานแล้วเห็นมั้ย” จุนซูเอ่ยตะคอก
“ก็ได้ๆ” ยองจีลุกขึ้นช่วยจุนซูขนของ ก่อนจะส่งคุณลุงและจุนซูขึ้นรถที่คุณป้ากับพี่จุนโฮนั่งรออยู่
“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณลุงหนูคงส่งได้แค่นี้...โชคดีนะจุนซูแล้วอย่าลืมที่ชั้นบอก” ยองจียังคงย้ำไม่เลิกก่อนจะปิดประตูรถแล้วโบกมือเพื่อเป็นการอำลา รอยยิ้มที่ดูจริงใจของยองจีกลับมาหลังจากเรื่องราววันนั้นทำให้จุนซูรู้สึกโล่งใจไม่น้อยเมื่อยองจีกลับมาเป็นคนเดิม เท่านี้คงไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่นานนักก็ถึงสนามบิน ทั้งแม่และพี่ก็ต่างสั่งเสียและอบรมเป็นการใหญ่เรื่องดูแลพ่อ จะอะไรนักหนาพ่อนั่นแหละต้องดูแลผมมากกว่า
“แม่ครับ...จะสั่งอะไรนักหนา...ผมไม่พาพ่อไปจีบสาวหรอกน่า” จุนซูพูดตลกๆ
“ก็ลูกเป็นแบบนี้ไงจุนซูแม่ถึงได้ห่วง...ไปถึงนู้นก็ตั้งใจทำงานหละอย่าดื้อเข้าใจมั้ย” ผู้เป็นแม่กล่าวย้ำเป็นรอบที่ร้อยได้ตั้งแต่ขึ้นรถมา หลังจากคุยกันได้ไม่นานก็ต้องแยกกันทั้งแม่และพี่เดินมาส่งที่เกต หลังจากเดินเข้าไปก็ไม่หันหลังกลับมามองเพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าหันกลับไปต้องมีน้ำตาตกแน่เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยห่างจากแม่และพี่เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่คนละที่ หรือเป็นเพราะว่าต้องการให้เรารู้จักช่วยเหลือตัวเองจึงส่งไปทำงานที่นู้นกันน๊า ตลอดระยะเวลาที่นั่งเครื่อง ก็นั่งครุ่นคิดตลอดเวลา นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้
“จุนซูๆถึงแล้วลูกเครื่องกำลังลงแล้ว” ผู้เป็นพ่อส่งเสียงเรียก
“อ่อ...ครับ” จุนซูสะลึมสะลือ ก่อนจะขยี้ตาเพื่อปรับแสงสว่างให้คุ้นชิน
“แล้วเราต้องนั่งเครื่องต่อไปอีกนะลูก...เหนื่อยมั้ย” ชายสูงวัยเอ่ยถาม
“อ่อ...เล็กน้อยครับพ่อ...แล้วที่นี้ผมจะรู้ได้รึยังว่าเรามาที่ไหน” จุนซูยังคงสงสัยไม่เลิก
“ลงเครื่องแล้วลูกก็จะรู้เอง” หลังจากที่ผู้เป็นพ่อพูดจบเครื่องก็ลงจอด จุนซูก็ลุกขึ้นอย่างไวเพราะความสงสัยที่เค้าต้องการรู้อยู่ไม่ไกลเอาเสียเลย
“สวัสดีค่ะ” เสียงแอร์โฮสเตสกล่าวต้อนรับตรงข้างหน้าทางออก หลังจากที่จุนซูได้ยินก็ถึงกับยิ้มไม่หุบ
“เรื่องจริงหรอเนี่ย” จุนซูบ่นพึมพำ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเดินพาจุนซูไปขึ้นเครื่องต่อเพื่อให้ถึงที่หมายปลายทางอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั่งเครื่องเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง เครื่องก็ลงจอดสนิททันทีที่เดินออกมาจากสนามบิน ก็มีรถมารับถึงที่ตรงไปที่ร้านทันที จุนซูรู้สึกงงๆเล็กน้อยเพราะเค้าเดินทางมาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงแล้ว รถยนต์ที่มารับจอดสนิทก่อนที่จุนซูจะเปิดประตูออก ยิ้มรับกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“พ่อครับนี่ผมไม่ได้ฝันใช่มั้ย” จุนซูเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“อืม...พ่อคิดอยู่แล้วว่าลูกต้องชอบ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะให้คนที่ร้านช่วยกันขนของเข้าไปในร้าน ร้านก็เป็นตึกสามชั้นสุดหรู แต่ก็ไม่เท่าสิ่งที่จุนซูได้สัมผัส
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นที่นี่” จุนซูเอ่ยขึ้นพร้อมกางแขนอ้ารับลมที่วิ่งเข้ามาปะทะหน้า
“นี่แหละที่ๆชั้นอยากมาที่สุด...ภูเก็ตจ๋าสวรรค์ของจุนซู” จุนซูเอ่ยอีกรอบก่อนจะยิ้มไม่หุบ ราวกับภาพวาดที่จุนซูเคยวาดไว้ ร้านหันหน้าให้กับทะเล เป็นตึกสามชั้นสุดหรู ภายในร้านก็ดูหรูหรา ช่างเป็นภาพวาดที่จุนซูวาดไว้ในจินตนาการไม่มีผิด หลังจากชื่นชมบรรยากาศของทะเลสีใสสวยจนพอใจจุนซูก็เดินเข้าไปในร้าน
“พ่อคิดว่าถ้าลูกอยู่ที่นี่คนเดียวคงจะไม่มีปัญหาใช่มั้ย” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
“ครับ...ผมชอบที่นี่” จุนซูตอบรับก่อนจะขึ้นไปบนห้องที่ถูกจัดมาเพื่อเค้าโดยเฉพาะ ชั้นสองของร้านเป็นห้องพักของพนักงานของร้านจำนวนหลายห้อง ส่วนชั้นสามเป็นห้องที่แบ่งเป็นสองห้องใหญ่ ห้องของจุนซูเป็นห้องที่หันหน้าเข้าหาทะเล มีระเบียงยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อยืนรับลมทะเลได้ จุนซูรู้สึกพอใจไม่น้อย และพอใจเป็นอย่างมากหากจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป หลังจากเหน็กเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวันจุนซูก็ผล็อยหลับไปบนเตียงนุ่มๆ จนถึงเช้าวันต่อมา ร้านของจุนซูยังไม่ได้เปิดทำการเพราะเรื่องเฟอร์นิเจอร์และพนักงานยังคงไม่พร้อมส่วนจุนซูเองก็ยังเหนื่อยไม่หาย ส่วนพ่อเองก็วุ่นเรื่องร้านจุนซูเองก็ไม่รู้จะต้องช่วยยังไงจึงปล่อยให้ผู้ใหญ่เคลียร์ปัญหาก่อนจะขอปลีกตัวไปสูดกลิ่นไอทะเลให้สดชื่นเต็มปอด เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำดูเข้ากันดี พลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาจุนซูรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย สายตากวาดมองไปรอบๆเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย จนจุนซูเองลืมเรื่องภาษาไปซะสนิท แต่ยังดีที่จุนซูเองเคยเรียนภาษาไทยมาบ้างเพราะว่าเค้าชอบภูเก็ตนี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ถึงจะพูดไม่คล่องแต่ก็พอเข้าใจ ดังนั้นจุนซูเลยจะทดสอบทักษะภาษาไทยที่ได้เรียนมาสักหน่อย เดินไปตามริมชายหาดต่างมีร้านขายของมากมาย แต่จุนซูก็สะดุดกับโรงแรมริมชายทะเลที่มันดูหรูหรามาก มีทั้งสระน้ำที่ติดทะเลราวกับว่าสระน้ำเป็นเนื้อเดียวกับทะเลก็ไม่ปาน จุนซูจึงเดินเข้าไปเดินเล่น ก่อนจะยิ้มให้พนักงานต้อนรับก่อนจะเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
“สวัสดีครับ” จุนซูพูดเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะทำท่าและก้มหัวลงน้อยๆ
“สวัสดีค่ะ...มาเที่ยวหรอค่ะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยถามช้าๆ จุนซูยืนฟังก่อนจะยิ้ม
“อ่อ...ผม...มาทำงานที่นี่ครับ” จุนซูตอบก่อนจะยิ้มน้อยๆ
“ทำงานหรอค่ะ...แล้วพักอยู่ที่ไหนหละค่ะ” พนักงานถามกลับ
“พัก...อ่อ...อยู่ข้างๆโรงแรมนี่แหละครับ...อย่าลืมไปเที่ยวร้านผม...บ้าง...เอ่อ...นะครับ” จุนซูพูดตะกุกตะกักน้อยๆ แต่ก็พอเข้าใจ ก่อนจะเดินดูรอบๆโรงแรม จุนซูเดินยิ้มไปตลอดทางหลังจากเดินเที่ยวชมโรงแรมอยู่นาน จุนซูก็ต้องหยุดเดินและมองไปที่สระน้ำริมหาดที่แทบแยกไม่ออกว่าอันไหนทะเลอันไหนสระน้ำเพราะช่างกลมกลืนกันมากทีเดียว พลางเดินเล่นวนรอบสระน้ำ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากมาย
“นี่...นายเด็กของโรงแรมใช่มั้ย” เสียงบางคนที่นอนอาบแดดอยู่เรียกขึ้น จุนซูได้แต่ยืนทำหน้างงและก็ไม่ได้สนใจ แม้ว่าภาษาที่พูดนั่นจะเป็นภาษาบ้านเกิดของเค้าก็ตาม
“นี่...พูดแล้วยังจะเดินหนีอีก” ไม่พูดเปล่าพลางลุกขึ้นมากระชากแขนของจุนซูไว้
“นี่เป็นแค่พนักงานโรงแรมกล้าเดินหนีแขกแบบนี้ได้ยังไง...ไม่รู้ว่านายเข้ามาเป็นพนักงานได้ยังไงไม่รู้จักมีมารยาทกับลูกค้าบ้าง” คนที่นอนอยู่เมื่อครู่ลุกขึ้นมาพูดกระแทกใส่ทันที
“นายนั่นแหละไม่มีมารยาท...อีกอย่างชั้นไม่ใช่พนักงานโรงแรมเข้าใจมั้ย” จุนซูตวาดกลับก่อนจะสะบัดแขนแล้วเดินออกไปอย่างหน้าตาเฉย
“ไม่ใช่พนักงานโรงแรม...แต่เป็นคนทำความสะอาดสินะ...ดูนายแต่งตัวเข้าสิ” เสียงพูดที่ดูถูกเหยียดหยามทำเอาจุนซูถึงกับโมโหหนัก รีบเดินกลับมาแล้วต่อว่าคนเมื่อครู่ทันที
“นายจะคิดยังไงก็ช่าง...แต่ชั้นไม่ใช่คนทำความสะอาดและไม่ใช่พนักงานอย่างที่นายว่าด้วย...แต่ก่อนอื่นถ้านายต้องการจะขอความช่วยเหลือจากใครก็ควรที่จะมีมารยาทในการพูดจาไม่ใช่จะมาดูถูกคนอื่นเค้าแบบนี้...หรือว่านายไม่เคยรู้จักคำว่ามารยาทกันแน่ถึงได้ทำตัวต่ำกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกได้มากขนาดนี้” จุนซูต่อว่าเป็นการใหญ่ ทำเอาคนที่ฟังถึงกับลมออกหู
“ดูท่านายจะเป็นคนเกาหลีสินะ...แต่น่าเสียดายที่ชั้นไม่ได้มางานมีทติ้ง...แต่ถ้านายอยากได้ลายเซ็นหรือถ่ายรูปคู่กับชั้นก็บอกกันดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้เลยบอกกันดีๆก็ได้ยังไงซะชั้นก็เห็นนายเป็นคนเกาหลีเหมือนกัน” น้ำเสียงที่ยโสทำให้จุนซูถึงกับฉุน
“ลายเซ็น...เหรอ...ลายเซ็นบ้าบออะไรไร้สาระ...อีกอย่างชั้นเป็นคนเกาหลีแล้วไง...มันก็บ้านเกิดเดียวกับนายแต่คงจะไม่ดีเท่าไรหรอกนะที่จะต้องยืนบนแผ่นดินเดียวกับนาย...แต่ก็ดีไปอย่างที่ชั้นย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว...อากาศที่นี่คงดีกว่าที่เกาหลีเยอะ...แต่ตอนนี้มลภาวะแถวนี้มันเยอะชั้นขอตัวก่อนดีกว่า...ก่อนที่อากาศบริสุทธิ์เมื่อกี้จะกลายเป็นมลพิษเพราะว่าใครบางคน” จุนซูทำน้ำเสียงกวนใส่ซึ่งเรียกเอาอารมณ์ของใครบางคนให้เดือดพล่านได้ภายในพริบตา
“นี่นายว่าใคร...แล้วคิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆงั้นสิ” คนที่โมโหกระชากร่างจุนซูไว้ไม่ให้เดินต่อไป
“ชั้นเอ่ยชื่อนายหรอ...อีกอย่างนายเป็นใครชื่ออะไรชั้นก็ไม่รู้จักทั้งนั้น...และอย่ามาทำตัวน่ารังเกียจไปมากกว่านี้จะดีกว่าเพราะแค่นี้ชั้นก็ขยะแขยงนายมากพอ” จุนซูตวาดใส่ทันที
“นายอย่ามาทำเป็นไม่รู้จักชั้นไปหน่อยเลย...หรือว่านายจะให้สำนึกผิดแล้วขอโทษนาย...หรือต้องให้ลงไปคุกเข่าอ้อนวอนให้นายเลิกเกลียดชั้น...เพื่อที่นายจะมาเอาผลประโยชน์จากชั้น” น้ำเสียงกวนๆทำเอาจุนซูประสาทอีกรอบ
“ผลประโยชน์บ้าอะไร...คนอย่างนายมีประโยชน์อะไร...อีกอย่างคนปากเสียแบบนายชาตินี้จะหาแฟนได้รึเปล่าก็ไม่รู้” จุนซูทำเสียงกวนกลับ
“อ่อ...เข้าใจและเพราะนายชอบชั้นใช่มั้ยหละถึงได้พูดนำร่องมาขนาดนี้...นายนี่เก่งดีนะเอาเรื่องแฟนขึ้นมาซะตรงประเด็นเลย...โอเคเอางี้ชั้นจะให้นายถ่ายรูปคู่แล้วกันพอใจมั้ย” พยักหน้าน้อยๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของจุนซูออกจากกระเป๋าเสื้อ แล้วดึงจุนซูมาข้างๆเพื่อที่จะถ่ายรูป
“นี่!!!จะบ้ารึไงชั้นบอกนายเมื่อไรว่าจะถ่ายรูปคู่กับนาย...นายนี่ท่าจะเพี้ยน...เอาโทรศัพท์ชั้นมาถ้าขืนนายถ่ายรูปจากโทรศัพท์ชั้นละก็มีหวังมันคงพังแน่เลย” จุนซูรีบคว้ามือถือมาทันทีแต่ก็โดนแย่งกลับไปได้
“นี่นาย...ไม่รู้จักชั้นจริงๆน่ะหรอ” น้ำเสียงที่กวนๆเมื่อครู่เอ่ยถามขึ้น
“ใช่แล้วก็ไม่อยากรู้จักด้วย” จุนซูเริ่มโมโห
“นายย้ายมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรอ...นายถึงไม่รู้จักชั้น”
“ทำไม...เพิ่งมาถึงเมื่อวานแล้วไง” จุนซูตอบกวนๆ
“จะบ้าไปใหญ่แล้ว...ชั้นออกจะดังนายไม่รู้จักจริงๆหรอ...ชั้นอ่านะเล่นหนังตั้งหลายเรื่อง...ถ่ายแบบนิตยสารตั้งหลายเล่ม...อีกอย่างชั้นน่ะเป็นไอดอลของกลุ่มนักเรียนไฮสคูลด้วยซ้ำ...ดูท่านายก็น่าจะเป็นเด็กไฮสคูลหนิ...ทำไมถึงไมรู้จักชั้นหละ”
“ก็บอกไม่รู้จักก็ไม่รู้จักสิ...อีกอย่างอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย...อ่อจะบอกว่าเป็นดารางั้นสิ...แล้วไงดารามันไม่ใช่คนรึไง...เป็นเทวดางั้นหรอไร้สาระอ่า” จุนซูพูดพร้อมถอนหายใจ เพราะเค้าเองไม่เคยสนใจเรื่องบันเทิงอะไรทั้งนั้นเพราะตั้งแต่รู้ว่าต้องย้ายมาก็เอาแต่สนใจเรื่องเรียน
“อย่ามาโกหก...ชั้นไงที่ชื่อปาร์ค ยูชอนหน่ะ...คนที่วัยรุ่นของเกาหลีโหวตให้เป็นไอดอลอันดับหนึ่งเลยนะ...นายไม่รู้จักชั้นจริงๆหรอ...ไม่เอาน่าเป็นเด็กมาโกหกแบบนี้ไม่ดีเลย” ยูชอนส่ายหน้าอาดๆ
“น่ารำคาญจริงๆเลย...มาอวดอ้างสรรพคุณอย่างกับยาแผนโบราณเบื่อคนพวกนี้จริงๆ” หลังจากสิ้นประโยคจุนซูก็เดินหนีไปทันทีเพราะเบื่อที่จะต้องมาทนฟังคนแบบนี้ เพราะคนแบบนี้แหละที่จุนซูเกลียดที่สุด ยูชอนได้แต่ยืนอึ้งเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำกับเค้าแบบนี้ แทนที่เค้าจะต้องดีใจสิที่ได้เจอชั้นแต่ทำไมถึงได้เดินหนีเฉยๆแบบนี้
“เออ...คนแบบนี้ก็มีดูสิเดินหนีไปเฉยเลย...ดันลืมมือถือไว้อีก...555อ่อสงสัยอยากจะเจอชั้นอีกเลยแกล้งลืมโทรศัพท์ไว้...เฮ้อเด็กคนนี้ร้ายจริงๆ” ยูชอนบ่นออกมาเมื่อเห็นมือถือของจุนซูอยู่ในมือของตนเอง ก่อนจะยิ้มแล้วเดินขึ้นห้องพักไป